ผบ.ทบ.เผยจุดยืนกองทัพแบบอาเซียน เช่นเดียวกับรัฐบาล-ความสัมพันธ์ทางทหารเหมือนเดิม ใช้มาตรการคุมเข้มชายแดนอยู่แล้ว เหตุเกี่ยวพันโควิด-19 แต่ยังไม่เพิ่มเติมกำลัง มั่นใจดูแลรับมือได้ - กต.ติดตามสถานการณ์เมียนมา-ยันยังไม่มีคนไทยได้รับผลกระทบ
.............................
เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แถลงภายหลังการประชุมหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ถึงการเฝ้าระวังชายแดนด้านตะวันตก เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายการเมืองของเมียนมาข้ามแดน หลังเกิดเหตุรัฐประหารว่า ตอนนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ แต่มาตรการคุมเข้มชายแดนด้านตะวันตกดำเนินการอยู่แล้ว เพราะเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 มีการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย อีกทั้งรัฐบาลผ่อนปรนแรงงานต่างด้าวถึงวันที่ 15 ก.พ. 2564
“เรากังวลเรื่องพวกนี้อยู่ว่าอาจจะมีพวกฉวยโอกาสจึงคุมเข้มกันเต็มที่ โดยกองกำลังชายแดนสามารถสกัดกั้นผู้ลักลอบเข้าเมืองได้ทุกวันตั้งแต่เดือน ต.ค.เป็นต้นมา จับกุมได้หลายร้อยคน” พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าว
ผบ.ทบ. กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่มีการเพิ่มเติมกำลังทหารจากเดิมที่เพิ่มเติมไปก่อนหน้านี้จำนวน 5 กองร้อย เพราะสถานการณ์คงที่ สามารถดูแลและรับมือได้ โดยการประสานงานกับทุกส่วนราชการ รวมถึงได้รับความร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่ ทำให้สถานการณ์ลดน้อยลง คนไทยฝ่ายตรงข้ามแม้จะลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย แต่ด้วยการประสานงานและความสัมพันธ์ตามแนวชายแดนระหว่างเจ้าหน้าที่ของเมียนมากับไทย สามารถชี้แจงกับคนเหล่านั้นได้ว่าเมื่อเข้ามาต้องมาถูกช่องทาง ทำให้สถานการณ์การลักลอบอยู่ในระดับที่สามารถดูแลได้
เมื่อถามว่า ได้มีการติดต่อสอบถามเรื่องสาเหตุการทำรัฐประหารจากผู้นำเมียนมาหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ไม่มี เพราะเป็นเรื่องการเมือง ทหารคุยกันเรื่องทหารอย่างเดียว
@ย้ำจุดยืนกองทัพแบบอาเซียน เช่นเดียวกับรัฐบาล-ความสัมพันธ์ทางทหารเหมือนเดิม
เมื่อถามอีกว่า ด้วยความสัมพันธ์ของกองทัพสองประเทศจุดยืนของกองทัพต่อการรัฐประหารในเมียนมาเป็นอย่างไร พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ไม่มี เราอาศัยหลักการอาเซียน เหมือนเช่นรัฐบาล เราเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลก็ใช้หลักการนั้น เป็นเรื่องภายในของเขาและเป็นเรื่องรัฐบาลคุยกับ กองทัพเป็นส่วนราชการหนึ่งของรัฐบาลแต่ส่วนความสัมพันธ์ทางทหารยังเหมือนเดิม เพราะการปฏิบัติการทางทหารความมั่นคงตามแนวชายแดนมีความสัมพันธ์ที่ดีมาตลอด ทั้งเรื่องต่าง ๆ ในการดูแลประชาชนตามแนวชายแดนสองฝั่ง การเข้าเมืองผิดกฎหมาย ยาเสพติด ร่วมมือกันดีมาตลอด มีหมู่บ้านคู่ขนานที่ทำงานคู่กันมาตลอด
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาทหารไทยยึดอำนาจหลายครั้งพอเห็นเมียนมาแล้วรู้สึกอย่างไร พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ไม่มีความรู้สึก บอกแล้วว่าคำนี้ไม่มีอยู่ในหัวตน และไม่มีมานานแล้ว จะเห็นว่ามันหายไปนานแล้ว สื่อไปขุดคำนี้มาเอง พอตรงโน้นทำ พวกเราก็ไปขุดคำนี้ขึ้นมา ตนไม่มีอยู่แล้ว
@กต.ติดตามสถานการณ์เมียนมา-ยันยังไม่มีคนไทยได้รับผลกระทบ
วันเดียวกัน ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงการดูแลคนไทยในประเทศเมียนมา ว่า กระทรวงการต่างประเทศติดตามพัฒนาการในประเทศเมียนมา พร้อมประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา อย่างใกล้ชิด ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ประกาศแจ้งเตือนคนไทยในเมียนมาให้ติดตามสถานการณ์และข่าวสารต่างๆ จากสถานเอกอัครราชทูตไทยฯ และหากมีประเด็นที่ต้องการขอรับการช่วยเหลือ สามารถติดต่อมาได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายด่วนของสถานเอกอัครราชทูตไทยฯได้ตลอด 24 ชั่วโมง
นายธานี กล่าวอีกว่า มีคนไทยที่เดินทางกลับจากเมียนมา ทั้งทางอากาศและทางบก ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จำนวน 2,130 คน ส่วนคนไทยที่ยังอยู่ในเมียนมานั้น จากฐานข้อมูลการลงทะเบียนกับสถานเอกอัครราชทูตไทยฯ มีจำนวน 356 คน แบ่งเป็นคนที่ประสงค์จะกลับไทย 137 คน และยังไม่ประสงค์กลับไทย 219 คน สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ได้ติดต่อสอบถามความเป็นอยู่และติดตามกับชุมชนไทยอย่างใกล้ชิด ทราบว่าชุมชนไทยยังดำเนินชีวิตตามปกติ และยังไม่มีรายงานว่ามีธุรกิจหรือการลงทุนของไทยได้รับผลกระทบ
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ส่วนจุดผ่านแดนถาวรบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ทั้ง 6 จุด คือ 1.แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก 2 จุด 2.แม่สอด-เมียวดี 2 จุด 3.บ้านพุน้ำร้อน-ทิกิ 4.ระนอง-เกาะสองนั้น เปิดให้ผู้ที่ได้รับอนุญาตและสินค้าผ่านได้ตามปกติ รวมถึงสนามบินทั่วประเทศเมียนมาเปิดทำการได้ตามปกติ โดยยังต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่ความร่วมมือระหว่างไทยกับเมียนมา ทั้ง 2 ประเทศได้ประกาศยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์โดยธรรมชาติ บนพื้นฐานการเป็นประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิดที่มีความท้าทาย และมีโอกาสในการส่งเสริมผลประโยชน์แห่งชาติร่วมกัน ตั้งแต่เดือน ส.ค.2561 นอกจากนี้ ไทยส่งเสริมบทบาทการเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนากับเมียนมา ผ่านการดำเนินงานของกรมความร่วมมือระหว่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมสนับสนุนการพัฒนาประเทศและการปฏิรูปของเมียนมา อาทิ การให้ทุนฝึกอบรมและทุนการศึกษา การส่งอาสาสมัครเพื่อนไทย การดำเนินโครงการพัฒนาในเมียนมาในด้านสาธารณสุข การพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานการประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น
นายธานี กล่าวอีกว่า ด้านการค้าไทย-เมียนมา ในปี 2563 เมียนมาเป็นคู่ค้าอันดับที่ 19 ของไทยในโลก และเป็นอันดับ 7 ในอาเซียน โดยในช่วงเดือน ม.ค.-ก.ย.2563 มีมูลค่าการค้ารวม 158,262.02 ล้านบาท โดยไทยเป็นฝ่ายเกินดุลการค้า 20,201.21 ล้านบาท สำหรับการค้าชายแดนไทย-เมียนมา ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.ย.2563 มีมูลค่า 127,010.27 ล้านบาท ส่วนการลงทุนนั้น ไทยได้รับอนุมัติการลงทุนจากทางการเมียนมา ตั้งแต่ปี 2531-2563 คิดเป็น 11,407.228 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นอันดับ 3 รองจากสิงคโปร์และจีน โดยสาขาการลงทุนของไทยในเมียนมาที่สำคัญที่สุด คือน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
หมายเหตุ : ภาพประกอบ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จาก https://mpics.mgronline.com/
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage