'ไบเดน' หัก 'ทรัมป์' เลิกคำสั่งเปิดปท. ห้ามผู้เดินทางจากบราซิล แอฟริกาใต้ อังกฤษ ไอร์แลนด์ ยุโรป เข้า-เลขาฯสื่ อทำเนียบขาวชี้ยังไม่ใช่เวลาเปิด ปท.-ด้าน ปธน.เม็กซิโกติดโควิด หลังแสดงจุดยืนต้านการใส่หน้ากาก
..........................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัสในต่างประเทศว่าแหล่งข่าวจากทำเนียบขาวได้ยืนยันกับสำนักข่าวนายซีเอ็นเอ็นว่านายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้กลับไปออกคำสั่งห้ามการเดินทางจากต่างประเทศเข้าสู่ประเทศสหรัฐฯ เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยคำสั่งดังกล่าวนั้นจะจำกัดไม่ให้บุคลากรซึ่งไม่ใช่พลเมืองสหรัฐฯ และเคยอยู่ในประเทศบราซิล ประเทศแอฟริกาใต้ ประเทศอังกฤษและไอร์แลนด์ และอีกหลายประเทศในทวีปยุโรปเดินทางเข้าสู่ประเทศสหรัฐฯ
อนึ่งการออกคำสั่งดังกล่าวนั้นถือว่ายกเลิกคำสั่งสุดท้ายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ออกคำสั่งสุดท้ายในวันที่ 19 ม.ค. ว่าจะยกเลิกมาตรการห้ามผู้ที่เดินทางจากประเทศเหล่านี้เข้าสู่ประเทศสหรัฐฯ โดยคำสั่งจองนายทรัมป์จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 26 ม.ค.
โดยนางเจน ซากี้ เลขานุการด้านสื่อที่ทำเนียบขาวได้ทวีตผ่านทวิตเตอร์ระบุว่านื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เลวร้ายลง และมีการเกิดขึ้นของไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่สามารถแพร่ระบาดได้ง่ายกว่าเดิมเกิดขึ้นทั่วโลก ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่เวลาที่จะยกเลิกมาตรการจำกัดหรือมาตรการการห้ามเดินทางไปต่างประเทศ
สำหรับสถานการณ์การระบาดอื่นๆทั่วโลกนั้นมีรายงานว่านายมานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ แห่งเม็กซิโก เปิดเผยผ่านทางทวิตเตอร์วานนี้ (24 มกราคม) ว่าเขามีผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวก หรือติดเชื้อ โดยระบุว่า มีอาการเบาบางและกำลังอยู่ระหว่างรับการรักษา
ข่าวการติดเชื้อของผู้นำเม็กซิโกวัย 67 ปี มีขึ้นในขณะที่เม็กซิโกกำลังเผชิญกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสอง ซึ่งส่งผลให้ระบบสาธารณสุขของประเทศ ใกล้เผชิญภาวะผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล
ขณะที่นายโลเปซ โอบราดอร์ นั้นยืนยันท่าทีในการต่อต้านการสวมหน้ากากอนามัยมาโดยตลอด และที่ผ่านมาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องมาตรการในการรับมือการแพร่ระบาด ที่มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มความสามารถในการรองรับปริมาณผู้ป่วยของโรงพยาบาล มากกว่าการตรวจและติดตามผู้สัมผัสเชื้อ อีกทั้งยังไม่บังคับล็อกดาวน์ โดยเลือกมาตรการจำกัดการเคลื่อนย้ายเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่รุนแรง
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage