ครม.ไฟเขียวร่างกฎกระทรวงดูแลรักษา-จัดการศาสนสมบัติของวัด หากให้เช่า ‘ธรณีสงฆ์-ที่กัลปนา-สิ่งปลูกสร้าง’ ของวัด นานเกิน 3 ปี ต้องได้รับอนุมัติจาก ‘มหาเถรฯ’ ก่อน
.................
เมื่อวันที่ 19 ม.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี เป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการดูแลรักษาและจัดการศาสนสมบัติของวัด พ.ศ. …. ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาต่อไป ขณะที่ร่างกฎกระทรวงได้รับความเห็นชอบจากประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 9/2563 เมื่อวันที่ 12 พ.ค.2563 แล้ว
สำหรับสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงดังกล่าวมีการแก้ไขเพิ่มเติมใน 4 ประเด็น ได้แก่
1.ประเด็นการมอบอำนาจให้ พศ. จัดประโยชน์แทนวัดนั้น เดิมไม่มีการกำหนดเกี่ยวกับการมอบอำนาจให้ พศ. จัดประโยชน์แทนวัดได้ แต่ร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่ กำหนดให้วัดสามารถมอบอำนาจให้ พศ.จัดประโยชน์ในศาสนสมบัติของวัดทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแทนวัดได้
2.ประเด็นการให้เช่าที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง เดิมกำหนดให้การให้เช่าที่ธรณีสงฆ์ ที่กัลปนา หรือที่วัดที่กันไว้เป็นที่จัดประโยชน์ ที่มีกำหนดระยะเวลาการเช่าเกิน 3 ปี ต้องได้รับความเห็นชอบจาก พศ. (กรมการศาสนา ศธ. เดิม) โดยร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่ กำหนดให้การให้เช่าที่ธรณีสงฆ์ ที่กัลปนา ที่วัดที่กันไว้เป็นที่จัดประโยชน์หรือ ‘สิ่งปลูกสร้าง’ ที่มีกำหนดระยะเวลาการเช่าเกิน 3 ปี ต้องได้รับความเห็นชอบจาก พศ. และได้รับอนุมัติจากมหาเถรสมาคม
3.ประเด็นการเช่าที่ดินของวัดเพื่อเป็นทางเข้าออก เดิมไม่มีการกำหนดเกี่ยวกับการเช่าที่ดินของวัดเพื่อเป็นทางเข้าออกไว้ แต่ร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่ กำหนดให้ในกรณีที่มีผู้ขอเช่าที่ดินของวัดเพื่อเป็นทางเข้าออก ไม่ว่าจะกำหนดระยะเวลาการเช่ากี่ปีก็ตาม ให้วัดจัดทำเป็น ‘สัญญาภาระจำยอม’ เท่านั้น โดยต้องได้รับความเห็นชอบจาก พศ. และได้รับอนุมัติจากมหาเถรสมาคม
4.ประเด็นการเก็บรักษาเงินของวัด เดิมกำหนดให้การเก็บรักษาเงินของวัดในส่วนที่เกิน 3,000 บาทขึ้นไป ให้เก็บรักษาโดยฝากธนาคาร หรือนิติบุคคลที่ พศ. ให้ความเห็นชอบ แต่ร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่ กำหนดให้การเก็บรักษาเงินของวัดในส่วนที่เกิน ‘100,000 บาทขึ้นไป’ ให้เก็บรักษาโดยฝากธนาคาร หรือวิธีการอื่นใดตามที่มหาเถรสมาคมกำหนด
พศ. รายงานครม. ว่า ที่ผ่านมาการดูแลรักษาและจัดการศาสนสมบัติของวัด จะเป็นไปตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2511) ออกตามความในพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ซึ่งมีสาระสำคัญว่า การให้เช่าที่ธรณีสงฆ์ ที่กัลปนา หรือที่วัดที่กันไว้เป็นที่จัดประโยชน์ ที่มีกำหนดระยะเวลาการเช่าเกิน 3 ปี จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจาก พศ. (กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เดิม) และกำหนดให้การเก็บรักษาเงินของวัดในส่วนที่เกิน 3,000 บาทขึ้นไป ให้เก็บรักษาโดยวิธีการฝากไว้กับธนาคาร หรือนิติบุคคลที่ พศ. ให้ความเห็นชอบ
อย่างไรก็ตาม ต่อมาพบว่ากฎกระทรวง ซึ่งกำกับดูแลการให้เช่าที่ดินของวัดของมหาเถรสมาคมและ พศ. นั้น ทำได้เพียงในส่วนของการให้เช่าที่ดิน โดยไม่รวมถึงการให้เช่าอาคารซึ่งปลูกบนที่ดินดังกล่าว ทำให้วัดสามารถให้เช่าที่ดินของวัดได้ตามกฎหมาย โดยไม่จำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากมหาเถรสมาคม และ พศ. ซึ่งเป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องเสร็จที่ 57/2528 เรื่อง ปัญหาข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 (การให้เช่าที่ดินของวัด ตามข้อ 4 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2511) และมติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 14/2521) ส่งผลให้เกิดปัญหาการแสวงหาประโยชน์ในที่ดินของวัด จนทำให้วัดขาดประโยชน์ที่ควรได้รับโดยชอบธรรม
นอกจากนี้ การกำหนดให้วัดสามารถเก็บรักษาเงินสดได้เพียง 3,000 บาทนั้น ไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายภายในวัด ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องปรับปรุงกฎกระทรวงฯเกี่ยวกับการให้เช่าที่ดินของวัดให้ครอบคลุมถึงกรณีการให้เช่าอาคารที่ปลูกบนที่ดินดังกล่าว เพื่อแก้ไขปัญหาการแสวงหาประโยชน์ในที่ดินของวัด และแก้ไขจำนวนเงินที่วัดสามารถเก็บรักษาได้ เพื่อให้มีความสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน รวมทั้งปรับปรุงบทบัญญัติในประเด็นอื่น ๆ ให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage