สหรัฐฯเกิดจลาจล หลังม็อบเชียร์ทรัมป์บุกรัฐสภา 'ทรัมป์'เรียกร้องทุกคนกลับบ้าน ชี้เล่นตามเกมอีกฝ่ายไม่ได้ ด้าน ไบเด้นเรียกร้อง ปธน.สหรัฐฯยุติการบุกเมืองหลวง ปกป้องรัฐธรรมนูญ-พบไปป์บอมบ์ในอาคารรัฐสภา-ล่าสุดมีรายงานผู้หญิงถูกยิงดับแล้ว 1 ยอดเสียชีวิตรวม 4 ราย -นานาชาติแห่ประนาม ชี้เป็นการคุกคามระบอบ ปชต.-ล่าสุด ประชุมต่อ รัฐสภารับรองไบเด้นขึ้นเป็น ปธน.แล้ว
.........................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานสถานการณ์การยืนยันผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ว่าเมื่อเวลาประมาณ 3.40 น. ตามเวลาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา รัฐสภาสหรัฐฯได้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้โจ ไบเด้น มีชัยชนะเหนือ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯอย่างเป็นทางการ ส่งผลทำให้นายโจ ไบเด้น ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนางคามาลา แฮร์ริส ขึ้นเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยการเริ่มนับคะแนนดังกล่าวนั้นมีขึ้นในเวลา 20.00 น. ของวันที่ 7 ม.ค. หลังจากที่ต้องหยุดไปในช่วงก่อนหน้านี้เนื่องมาจากเหตุการณ์จลาจลของกลุ่มผู้ประท้วงซึ่งสนับสนุนนายโดนัลด์ ทรัมป์
โดยภายหลังจากการรับรองคะแนน นายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้ออกแถลงการณ์ฉบับหนึ่งระบุถึงคำสั่งที่จะให้มีการถ่ายโอนอำนาจในวันที่ 20 ม.ค. แต่ ประธานาธิบดีสหรัฐฯก็ยังคงเน้นย้ำว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2563 แม้จะไม่มีหลักฐานใดๆสนับสนุนข้อกล่าวหาก็ตาม
"แม้ว่าผมจะไม่เห็นด้วยเลยกับผลการเลือกตั้ง และผมก็ได้เห็นข้อเท็จจริงแล้ว อย่างไรก็ตาม ผมก็ได้สั่งการให้มีการเปลี่ยนถ่ายอำนาจในวันที่ 20 ม.ค.อบ่างเป็นระเบียบ ผมพูดเสมอว่าเราจะยังคงต่อสู้ต่อไป เพื่อให้มั่นใจว่าคะแนนเสียงที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้นที่จะถูกนับ แม้ว่านี่จะเป็นการสิ้นสุดสมัยแรกของประวัติศาสตร์การเป็นประธานาธิบดีซึ่งยอดเยี่ยมที่สุด แต่นี่ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้มาเพื่อให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งเช่นกัน" โฆษกส่วนตัวนายทรัมป์ทวีตผ่านทวิตเตอร์ หลังจากที่ทวิตเตอร์แบนบัญชีของนายทรัมป์เป็นการชั่วคราว
โดยขณะนี้มีรายงานว่าฝ่ายจัดการเลือกตั้งของนายทรัมป์แพ้คดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งไปแล้วถึง 60 กว่าคดี
ส่วนทางด้านของนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีก็ได้ออกมาประนามนายทรัมป์ที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง และยินดีกับนายไบเด้น พร้อมกับกล่าวว่านี่แสดงให้เห็นว่าพลังแห่งประชาธิปไตยนั้นได้รับชัยชนะ และเป็นสิ่งที่เธอรู้และคาดหวังกับสหรัฐฯมาโดยตลอด
อนึ่งก่อนหน้านี้เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.ของวันที่ 7 ม.ค. ตามเวลาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา กลุ่มผู้ประท้วงซึ่งสนับสนุนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานับร้อยคนได้บุกเข้าไปยังที่ทำการอาคารรัฐสภาเพื่อขัดขวางกระบวนการรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯซึ่งมีนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม ท่ามกลางการเฝ้าระวังของเจ้าหน้าที่ตำรวจติดอาวุธครบมือ และเจ้าหน้าที่ตำรวจบางส่วนได้พาตัวสมาชิกรัฐสภาอพยพออกจากอาคารอย่าง ฉุกละหุกโดยกลุ่มผู้ประท้วงได้เรียกร้องให้มีการเปิดเผยผลคะแนนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2563
โดยก่อนหน้านี้นั้นผู้ประท้วงนั้นสามารถบุกเข้าไปยังห้องทำงานของนางแนนซี่ เพโลซี่ ประธานรัฐสภาได้เป็นผลสำเร็จ ขณะที่ผู้ประท้วงอีกส่วนได้พยายามที่จะเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหยุดการปฏิบัติหน้าที่ และมอบอาคารรัฐสภาให้กับกลุ่มผู้ประท้วง พร้อมกับกล่าวหาว่าการรับรองผลการเลือกตั้งดังกล่าวนั้นเป็นการขโมยชัยชนะไปจากนายทรัมป์ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้นั้นศาลสูงสุดของสหรัฐฯได้มีมติไม่รับคำฟ้องของฝ่ายกฎหมายของนายทรัมป์ ในข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตเลือกตั้งไปแล้ว เนื่องจากว่าขาดหลักฐานอันน่าเชื่อถือ
และขณะนี้มีรายงานอย่างไม่เป็นทางการ โดยกลุ่มผู้ประท้วงได้ประกาศว่าขณะนี้กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิสหรัฐฯ กำลังเคลื่อนพลมายังอาคารรัฐสภา กรุงวอชิงตันดีซี แล้ว
ส่วนทางด้านของนายโจ ไบเด้น ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯก็ได้ออกมาเรียกร้องให้นายทรัมป์ออกโทรทัศน์เพื่อกระจายเสียงควบคุมสถานการณ์การประท้วงทั้งที่กรุงวอชิงตันดีซี และที่อื่นทั่วประเทศสหรัฐฯ
และไม่กี่นาทีต่อมาต่อมานายทรัมป์ก็ได้ออกอากาศด่วนด้วยถ้อยคำระบุว่า "ผมรู้ว่าทุกคนเจ็บปวด ทุกคนรู้ถึงมัน โดยเฉพาะฝ่ายตรงข้าม แต่ตอนนี้ทุกคนต้องกลับบ้านได้แล้ว เราต้องมีสันติ เราต้องมีกฎหมายและความเป็นระเบียบ นี่มันเป็นการเลือกตั้งที่ฉ้อโกง แต่ว่าเราสามารถเล่นตามเกมของพวกเขาได้ เราทุกคนต้องมีสันติ"นายทรัมป์กล่าว
และในเวลาต่อมานายไบเด้นก็ได้กล่าวเรียกร้องให้นายทรัมป์รักษาคำสัตย์และปกป้องรัฐธรรมนูญ พร้อมกับยุติการเข้าโจมตีนี้
"การบุกรุกอาคารแคปิตัล (รัฐสภา) ไม่ใช่การประท้วงแต่คือการจลาจล"
และในเวลาต่อมามีรายงานว่า พบวัตถุระเบิดประเภทไปป์บอมป์จำนวน 2 ลูกที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ โดยลูกหนึ่งอยู่ที่อาคารที่ทำการคณะกรรมการจากพรรครีพับลิกัน และอีกลูกอยู่ที่อาคารแคปิตัลคอมเพล็กซ์ แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการระเบิดลูกระเบิดทั้งสองลูกเพื่อความปลอดภัยแล้ว
ขณะที่นางมูเรียล โบว์เซอร์ นายกเทคมนตรีกรุงวอชิงตันดีซีได้แถลงการณ์ถึงการออกมาตรการเคอร์ฟิวกรุงวอร์ชิงตันดีซี ตั้งแต่เวลา 18.00 น.ตามเวลาในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นต้นไป และมาตรการเคอร์ฟิวนั้นจะมีผลเป็นระยะเวลา 6.00 น.ของวันที่ 7 ม.ค. พร้อมกับกล่าวว่าได้มีการออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าเคลียร์กลุ่มผู้ประท้วงซึ่งอยู่ในอาคารรัฐสภาออกไปพร้อมกับกำหนดเขตปลอดภัยรอบอาคารรัฐสภา
ขณะที่ในพื้นที่รอบอาคารรัฐสภา ก็มีรายงานด้วยเช่นกันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เริ่มการเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงด้วยการยิงแก๊สน้ำตาแล้ว ส่วนในพืนที่อาคารรัฐสภาก็มีรายงานว่ามีผู้บุกรุกเป็นหญิงถูกยิง 1 รายระหว่างเหตุการณ์เข้ายึดอาคารรัฐสภา และหลังจากนั้นไม่นานก็มีรายงานว่าผู้หญิงคนดังกล่าวเสียชีวิตแล้ว
และต่อมา ได้มีรายงานว่ากองกำลังพิทักษ์มาตภูมิสหรัฐฯได้ออกปฏิบัติการณ์แล้ว โดยขณะนี้กำลังเคลื่อนพลจำนวนกว่า 1,000 นาย มายังกรุงวอชิงตันและพื้นที่รัฐใกล้เคียงเพื่อรักษาความสงบ โดยจะทำงานร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงวอชิงตันอย่างใกล้ชิดต่อไป
พอมาถึงช่วงเวลา 17.39 น. ก็มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่าสามารถเข้าควบคุมพื้นที่ของอาคารรัฐสภาได้แล้ว จึงทำให้นางแนนซี่ เพโลซี่ ประธานรัฐสภาประกาศว่าถ้าหากสถานการณ์สงบแล้วจะมีการดำเนินการประกาศผลการเลือกตั้งต่อไป และต่อมาเมื่อเวลา 20.00 น. ก็ได้มีการจัดประชุมรัฐสภาตามเดิม โดยภายหลังจากเหตุการณ์สงบพบยอดผู้เสียชีวิตสะสมจากเหตุการณ์ปะทะทั้งสิ้น 4 ราย มีผู้ถูกจับกุมไปแล้ว 52 ราย โดย 47 รายถูกตั้งข้อหาว่าฝ่าฝืนมาตรการเคอร์ฟิว ขณะที่gเฟสบุ๊กทวิตเตอร์ก็ได้แบนการบัญชีของนายทรัมป์แล้ว โดยระบุว่าเพื่อป้องกันการยุยงปลุกปั่น หลังจากที่ก่อนหน้านี้นายทรัมป์ได้ทวีตระบุว่านี่เป็นการชุมนุมที่สงบ
อ้างอิงวิดีโอจาก NBC News
ส่วนปฏิกริยาจากนานาชาตินั้น มีรายงานว่านายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้ออกมาทวีตผ่านทวิตเตอร์ว่าเหล่าบรรดาผู้นำโลกนั้นชั่งน้ำหนักเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในกระบวนการเลือกตั้งของสหรัฐฯ
ทางด้านของนายฟรองซัวส์-ฟิลิปเป แชมเปญ รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดาได้กล่าวว่าแคนาดารู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่งกับสถานการณ์ในกรุงวอชิงตันดีซี การเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างราบรื่นนั้นควรเป็นหัวใจสำคัญของประชาธิปไตย ซึ่งสิ่งนี้จะต้องดำเนินต่อไป แล้วเราจะเฝ้าติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด เคียงข้างกับประชาชนสหรัฐฯ
ขณะที่ทางด้านของกระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศสได้ออกแถลงการณ์ประนามกลุ่มผู้ประท้วงว่าเป็นการโจมตีอย่างร้ายแรงต่อระบอบประชาธิปไตย
ส่วนนายมาร์ค รูทท์ นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ได้ทวีตว่านี่เป็นภาพที่เลวร้ายมากจากกรุงวอชิงตันดีซี ถึงนายโดนัลด์ ทรัมป์ (@realDonaldTrump) ควรระลึกว่านายโจ ไบเด้น (@JoeBiden) นั้นคือประธานาธิบดีสหรัฐฯคนถัดไป
นายชาร์ล มิเชล ประธานรัฐสภายุโรปก็ได้ทวีตว่ารัฐสภาสหรัฐฯนั้นเปรียบเสมือนกับวิหารแห่งระบอบประชาธิปไตย สิ่งที่ได้พบเจอคืนนี้ที่กรุงวอชิงตันนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจยิ่ง เรายังเชื่อว่าสหรัฐฯจะสามารถเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนถ่ายอำนาจอย่างสันติไปยังนายโจ ไบเด้น (@JoeBiden) ได้
ส่วนนายโจเซฟ บอร์เรล หัวหน้าฝ่ายนโยบายสหภาพยุโรปหรืออียูระบุว่านี่เป็นฉากที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เกี่ยวกับการจู่โจมที่มีต่อระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐฯ สถาบันแห่งหลักกฎหมาย นี่ไม่ใช่อเมริกา และทุกฝ่ายควรให้ความเคารพต่อผลการเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย.
ขณะที่ทางด้านของนายจอร์จ ดับเบิลยู บุช อดีตประชานาธิบดีสหรัฐฯก็ได้ออกมาโจมตีการประท้วงดังกล่าวเช่นกันว่าเป็นการจลาจลโดยชัดเจน
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage