แพร่ข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 17 ยก 5 จังหวัดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เดินทางเข้า-ออกต้องมีหนังสืออนุญาต สั่งปราบปรามขบวนการขนแรงงานข้ามชาติ - เปิดบ่อนพนัน ห้ามปล่อยปละละเลย ใครติดโควิด ปกปิดข้อมูล เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ
..............................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2564 ราชกิจจานุเบกษา แพร่ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถนาการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 17 โดยระบุว่า ตามที่ได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้เป็นคราวๆ ออกไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อกำหนดมาตรการต่างๆ ที่จำเป็นในการระงับยับยั้งการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของเชื้อโควิด ซึ่งระบาดเป็นกลุ่มก้อนในเขตหลายเขตพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดจำเป็นต้องมีมาตรการเข้มงวด เพื่อสกัดกั้นและยับยั้งการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด ทั้งๆที่ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือร่วมใจปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคมาโดยตลอด จึงออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลาย ดังนี้
1.การยกระดับการบังคับใช้มาตรการป้องกันโรค ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ เจ้าพนักงาน ดำเนินการให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ด้วยการรักษาระยะหว่าง สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย ล้างมือ ตรวจวัดอุณหภูมิ และติดตั้งแอปพลิเคชันที่กำหนด ตลอดจนยอมรับการกักตัวตามระยะเวลาและในสถานที่ที่กำหนดหากอยู่ในข่ายที่ต้องรับการกักกัน โดยรัฐบาลสนับสนุนให้ประชาชนติดตั้งแอปพลิเคชันหมอชนะ ซึ่งจะได้ประโยชน์จากการรับแจ้งข้อมูล ข้อแนะนำ ในการปฏิบัติตนหรือคำเตือนเพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ
2.การยกระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุดที่จำเป็นต้องมีมาตรการเข้มงวดอย่างยิ่ง ให้ตรวจสอบควบคุมการใช้เส้นทางคมนาคมหรือยานพาหนะของประชาชนในการเดินทางเข้าออกพื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ได้แก่ จันทบุรี ชลบุรี ตราด ระยอง และสมุทรสาคร โดยให้ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด คัดกรองการเข้าออก คนในพื้นที่ต้องติดตั้งแอปพลิเคชันหมอชนะ
โดยผู้ที่จะเดินทางเข้าออก ต้องแสดงเหตุผลความจำเป็น โดยแสดงบัตรประชาชน หรือบัตรแสดงตนอื่นๆ ควบคู่กับเอกสารรับรองความจำเป็นที่ออกโดยเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้องหรือฝ่ายปกครองในพื้นที่ เว้นแต่เป็นบุคคลที่ได้รับการยกเว้นตามหลักเกณฑ์ของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) กระทรวงมหาดไทย กำหนด
3.การปราบปรามและลงโทษผู้กระทำผิดอันเป็นเหตุให้เกิดการระบาดของโรค รัฐบาลมีเจตจำนงชัดเจนและเด็ดขาดในการปราบปรามและลงโทษเจ้าหน้าที่ รวมถึงบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบขนย้ายแรงงานต่างประเทศโดยไม่ผ่านการตรวจสอบ รวมถึงการปล่อยปละละเลยให้มีบ่อนการพนัน ซึ่งเป็นต้นตอการระบาดแบบกลุ่มก้อนจนเกิดผลกระทบอย่างรุนแรง จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ รวมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อกำกับดูแลการดำเนินการและเสนอมาตรการป้องกันมิให้เกิดเหตุดังกล่าวอีก
4.ผู้ฝ่าฝืนข้อกำหนด ย่อมมีความผิดอาจต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ติดเชื้อที่จงใจปกปิดข้อมูลการเดินทางหรือแจ้งข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนและควบคุมโรคเป็นผลให้เชื้อโรคแพร่ออกไป อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ด้วย
ทั้งนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค.เป็นต้นไป
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage