ศบค.ไม่ประกาศล็อกดาวน์ แต่ทำมาตรการแบ่งพื้นที่ตามความเสี่ยงโควิด 4 โซน-มีผลถึงการจัดงานเลี้ยงปีใหม่ด้วย ส่วนผู้ป่วยรายใหม่พบเพิ่ม 67 ราย มี 58 รายโยงถึง สมุทรสาคร กระจายอยู่ 27 จังหวัด ส่วนทั่วโลกป่วยสะสม 79.05 ล้านราย
----------------------------------------------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 63 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) กล่าวภายหลังการประชุม ศบค. ว่า ที่ประชุมไม่ได้พิจารณาเรื่องล็อกดาวน์ประเทศไทย แต่ได้พิจารณามาตรการเตรียมความพร้อมป้องกันการระบาดใหม่ โดยที่ประชุมเห็นชอบการแบ่งพื้นที่ตามสถานการณ์ โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเป็นผู้พิจารณาว่าพื้นที่ของตนเองอยู่ในโซนใด
สำหรับพื้นที่ 4 ประเภท ประกอบด้วย พื้นที่ควบคุมสูงสุด , พื้นที่ควบคุม , พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวัง โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
1.พื้นที่ควบคุมสูงสุด คือ พื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนและมีมากกว่า 1 พื้นที่ ยกตัวอย่าง สถานการณ์ จ.สมุทรสาคร ในขณะนี้ ซึ่งจะมีมาตรการที่เคร่งครัดกว่าพื้นที่อื่น ส่วนแนวทางการจัดกิจกรรมฉลองปีใหม่ 2564 และการจัดกิจกรรมงานวันเด็ก ให้งดการจัดกิจกรรมฉลองทุกชนิด เว้นแต่การจัดกิจกรรมแบบออนไลน์
2.พื้นที่ควบคุม คือ พื้นที่ที่ติดกับพื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อเกินกว่า 10 รายและมีแนวโน้มผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ให้งดการจัดกิจกรรมที่เป็นสาธารณะ แต่ผ่อนผันให้จัดกิจกรรมที่จำกัดผู้เข้าร่วมกิจกรรม หรือกิจกรรมที่มีเฉพาะผู้ที่รู้จักคุ้นเคยได้ หรือพิจารณาจัดกิจกรรมแบบออนไลน์
3.พื้นที่เฝ้าระวังสูง พื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อไม่เกิน 10 ราย แต่มีแนวโน้มสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ สามารถจัดกิจกรรมได้ แต่ต้องลดขนาดของงานให้เล็กลงกว่าปกติ มีมาตรการลดความหนาแน่นของผู้ร่วมกิจกรรม และมีมาตรการควบคุมมิให้เกิดความคับคั่ง
4.พื้นที่เฝ้าระวัง คือ พื้นที่ยังไม่มีผู้ติดเชื้อ และยังไม่มีสิ่งบอกเหตุว่าจะมีผู้ติดเชื้อ ยังสามารถจัดกิจกรรมได้ แต่ต้องลดขนาดของงานให้เล็กลงกว่าปกติ มีมาตรการลดความหนาแน่นของผู้ร่วมกิจกรรม และมีมาตรการควบคุมมิให้เกิดความคับคั่ง
@ป่วยเพิ่ม 58 รายโยงสมุทรสาคร กระจายอยู่ 27 จังหวัด
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมกำหนดให้ ศบค.กลับมารายงานสถานการณ์ เวลา 11.30 น.ของทุกวัน เนื่องจากขณะนี้มีงานการข่าวออกมามากพอสมควร ทำให้บางเรื่องไม่มีความชัดเจน ไม่มีข้อเท็จจริง เกิดเป็นข่าวลือ ทั้งนี้เพื่อให้การให้ข่าวเป็นข้อมูลรวมศูนย์ จึงจัดให้มีการแถลงข่าวของ ศบค.เป็นประจำทุกวัน
โฆษก ศบค. กล่าวว่า รายงานสถานการณ์การติดเชื้อโควิดจาก จ.สมุทรสาคร ล่าสุด ผลการตรวจหาเชื้อเชิงรุกในกลุ่มแรงงานต่างด้าว พบผู้ติดเชื้อรวม 1,273 ราย ส่วนจังหวัดอื่นพบผู้ติดเชื้อกระจายตัวอยู่ในพื้นที่ 27 จังหวัด และมีอีก 3 จังหวัดอยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้อง
สำหรับสถานการณ์ประจำวัน วันนี้ผู้ป่วยรายใหม่ 67 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 58 รายมีประวัติเชื่อมโยงกับ จ.สมุทรสาครทั้งหมด เป็นผู้ติดเชื้อกลับจากต่างประเทศ 9 ราย รวมป่วยสะสม 5,829 ราย หายป่วย 21 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล 1,653 ราย เสียชีวิตคงเดิม 60 ราย
ทั้งนี้ผู้ป่วยรายใหม่ที่พบการติดเชื้อในประเทศไทย รวม 58 ราย มีประวัติเชื่อมโยงกับ จ.สมุทรสาคร ประกอบด้วย กทม. 14 ราย สมุทรสาคร 9 ราย นนทบุรี 6 ราย สมุทรปราการ 4 ราย พิจิตร 3 ราย ชัยภูมิ 3 ราย ฉะเชิงเทรา 2 ราย นครราชสีมา 2 ราย ตาก 1 ราย สุราษฎร์ธานี 1 ราย นครศรีธรรมราช 1 ราย ชัยนาท 1 ราย อุตรดิตถ์ 1 ราย อุดรธานี 1 ราย นครสวรรค์ 1 ราย ปทุมธานี 1 ราย อ่างทอง 1 ราย และอยู่ระหว่างประสานข้อมูล 6 ราย
@ทั่วโลกป่วยสะสม 79.05 ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 688,008 ราย รวม 79,051,236 ราย อาการหนัก 106,569 ราย หายป่วย 55,621,408 ราย เสียชีวิต 1,737,513 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 232,342 ราย รวม 18,917,152 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3,401 ราย รวม 334,218 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 24,236 ราย รวม 10,123,544 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 302 ราย รวม 146,778 ราย บราซิล พบเพิ่ม 46,657 ราย รวม 7,366,677 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 979 ราย รวม 189,264 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 143 ของโลก
ส่วนกระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า วันนี้จะมีคนเดินทางกลับเข้าไทยอีก 750ราย 17 เที่ยวบิน ประกอบด้วย กาตาร์ 2 เที่ยวบิน 47 ราย อิหร่าน 3 ราย เยอรมนี 98 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2 เที่ยวบิน 16 ราย อินโดนีเซีย 86 ราย ฮ่องกง 3 เที่ยวบิน 17 ราย เนเธอร์แลนด์ 8 ราย เกาหลีใต้ 2 เที่ยวบิน 232 ราย ญี่ปุ่น 2 เที่ยวบิน 98 ราย นิวซีแลนด์ 5 ราย และสหรัฐอเมริกา 140 ราย โดยทั้งหมดต้องเข้ารับการกักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ เพื่อเฝ้าดูอาการ 14 วัน
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage