สธ.แจงไทม์ไลน์ 10 หญิงไทยติดโควิดลักลอบเข้าประเทศจาก 'ท่าขี้เหล็ก' ยืนยันยังไม่พบผู้ติดเชื้อในกลุ่มเสี่ยง 699 ราย เผยฝ่ายมั่นคงปิดทางเข้าออกทุกจุด - ประสานขอรายชื่อคนตกค้างฝั่งเมียนมา เพื่อช่วยเหลือ - กักตัวตามขั้นตอน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2563 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาการอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงความคืบหน้าการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด หลังจากในช่วงที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อ 10 ราย ลักลอบเข้าเมืองผ่านช่องทางธรรมชาติจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เข้ามาที่ประเทศไทย ว่า จากผลการสอบสวนโรคในเบื้องต้น พบว่าผู้ป่วย 10 ราย ได้เดินทางลักลอบเข้าเมืองมาที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย จากนั้นได้แยกย้ายกันเดินทางกลับไปหลายจังหวัด คือ เชียงราย 3 ราย เชียงใหม่ 3 ราย พะเยา พิจิตร ราชบุรี และ กทม. จังหวัดละ 1 ราย ผู้ป่วยทั้งหมดเดินทางไปทำงานที่ 1G1 Hotel ท่าขี้เหล็ก ซึ่งคนเหล่านี้ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายทั้งขาไปและขากลับเข้าประเทศไทย
นพ.โอกาส กล่าวด้วยว่า ผลการสอบสวนโรคผู้ป่วย 10 ราย พบกลุ่มเสี่ยงสัมผัส รวม 699 ราย แบ่งเป็นกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง 175 ราย ซึ่งได้รับการตรวจแล้ว ยังไม่พบเชื้อ อยู่ระหว่างการเฝ้าระวัง และต้องตรวจซ้ำในช่วงที่เชื้ออยู่ในระยะฟักตัว ส่วนกลุ่มสัมผัสเสี่ยงต่ำ 524 ราย อยู่ในช่วงสังเกตอาการและได้รับคำแนะนำในการควบคุมโรคแล้ว ทั้งนี้ได้มีการประสานขอรายชื่อคนไทยที่ตกค้างอยู่ที่ จ.ท่าขี้เหล็ก เพื่อให้เดินทางกลับประเทศอย่างถูกต้อง โดยฝ่ายความมั่นคงได้ปิดด่านเข้าออกทุกจุดแล้ว
“ขอย้ำว่า เราได้ประสานกับทุกภาคส่วนในการควบคุมโรคอย่างรวดเร็ว หากใครเป็นเจ้าของบ้าน โรงแรม คอนโดมิเนียม คนงาน สถานบันเทิง รวมถึงสถานประกอบการต่างๆ หากพบใครที่เพิ่งเดินทางมาจากเมียนมาในช่วงเดือน พ.ย. โดยเฉพาะ จ.ท่าขี้เหล็ก ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบทันที เพราะความเสี่ยงไม่ได้อยู่ที่พวกเขาเหล่านั้น แต่ความเสี่ยงอยู่ที่ตัวพวกท่าน อยู่ที่ครอบครัว และคนในชุมชนของท่าน” นพ.โอภาส กล่าว
ส่วนกรณีที่มีคำถามว่าผู้สัมผัสเสี่ยงแต่ละกลุ่มแยกประเภทอย่างไร นพ.โอภาส กล่าวว่า ความเสี่ยงขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วยและผู้สัมผัสว่าสวมหน้ากากอนามัยหรือไม่ เช่น หากพูดคุยกันโดยไม่สวมหน้ากากอนามัยเกิน 5 นาที หรือ อยู่ห้องเดียวกันกับผู้ป่วย ในสภาพห้องที่แคบ อากาศไม่ถ่ายเทเกิน 15 นาที ถือว่าเป็นผู้มีความเสี่ยงสูง ส่วนการใช้ยานพาหนะร่วมกัน กรณีเครื่องบินจะมีความเสี่ยงเฉพาะ 2 แถวหน้าและหลังของผู้ป่วย ทั้งนี้ขอชื่นชมศิลปินบางท่านที่กักตัวเองทันทีที่ทราบว่าเดินทางร่วมกับผู้ป่วย ส่วนกรณีที่ต้องรับประทานอาหารบนเครื่องบิน เนื่องจากการบินในประเทศใช้เวลาไม่นาน และภายในเครื่องมีระบบวนอากาศไม่ให้ฟุ้งกระจายอยู่แล้ว จึงไม่ถือว่ามีความเสี่ยงมากนัก
นพ.โอภาส ชี้แจงรายละเอียดกรณีที่หนึ่งในผู้ป่วยในเดินทางไปร่วมงาน ฟาร์ม เฟสติวัล ที่สิงห์ปาร์ค จ.เชียงราย จะเสี่ยงทำให้คนภายในงานติดเชื้อหรือไม่ ว่า เราได้สอบสวนโรคเบื้องต้น จนได้รายละเอียดแล้วว่าผู้ป่วยรายนี้เดินทางไปไหนบ้าง โดยเมื่อวันที่ 29 พ.ย. เวลา 19.30 น.เดินทางไปซื้อตั๋วลาน C , เวลา 19.38 น.เดินทางถึงจุดตรวจอาวุธ , เวลา 19.41 น. ไปห้องน้ำ ต่อมาเวลา 19.48 น.เข้างานทางประตูฟาร์ม เฟสติวัล หากประชาชนท่านใดเดินทางไปหน้าเวที ลานเบียร์ หรือห้องน้ำในช่วงเวลาดังกล่าว ขอให้รีบติดต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อขอคำแนะนำในการตรวจหาเชื้อทันที
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวยืนยันว่า ประเทศไทยยังปลอดเชื้อจากโควิด ยังสามารถเดินทางไปไหนมาไหนด้วยความปลอดภัย ขณะที่ต่างประเทศยังมีความเสี่ยงในการระบาดอย่างต่อเนื่อง หากเดินทางไปก็ถือว่ามีโอกาสเสี่ยงที่จะนำเชื้อเข้ามาในประเทศ ขอความร่วมมือทุกคนอย่าได้ปกปิดข้อมูล หรือลักลอบเข้าเมือง เพราะหากไม่ผ่านการคัดกรองโรค จะส่งผลเสียถึงคนรอบข้าง ส่งผลถึงจังหวัด ถึงประเทศ อาจกระทบถึงปัญหาด้านสังคมและเศรษฐกิจ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการมาตรการควบคุมโรคอย่างรวดเร็ว ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวถึงกรณีที่หลายโรงเรียนสั่งกักตัวเด็กนักเรียนที่มีประวัติเดินทางไปจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อ ว่า เรื่องเหล่านี้เรามีขั้นตอนการปฏิบัติตามระบบอยู่แล้ว ทั้งนี้การจะปิดสถานที่ใดๆ ขึ้นอยู่กับว่าเราพบอะไรที่นั่น เช่น กรณีพบผู้ติดเชื้อเชียงใหม่ ไม่ได้หมายความว่าทุกพื้นที่เชียงใหม่จะอันตราย หรือไม่ได้หมายความว่าคนเชียงใหม่ทุกคนใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ดังนั้นหากใครมีข้อสงสัยในแนวทางปฏิบัติต่างๆ ขอให้ติดต่อขอข้อมูลที่สาธารณสุขจังหวัดเพื่อขอคำแนะนำต่อไป
ขณะที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) รายงานสถานการณ์ประจำวัน พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 13 ราย โดยมี 6 รายเป็นกลุ่มคนลักลอบเข้าเมืองจาก จ.ท่าขี้เหล็กที่ได้มีการแถลงข่าวไปเมื่อวานนี้ ส่วนอีก 7 รายเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ประกอบด้วย อินเดีย 1 ราย สหรัฐอเมริกา 1 ราย เม็กซิโก 1 ราย สวีเดน 1 ราย ปีกสถาน 1 ราย และเนเธอร์แลนด์ 2 ราย รวมผู้ป่วยยืนยันสะสม 4,039 ราย หายป่วยเพิ่ม 10 ราย เหลือรักษาตัวในโรงพยาบาล 147 ราย และเสียชีวิตคงเดิม 60 ราย
ส่วนสถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 634,524 ราย รวม 64,834,951 ราย หายป่วย 44,934,851 ราย เสียชีวิต 1,499,175 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 203,427 ราย รวม 14,313,941 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2,831 ราย รวม 279,865 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 33,761 ราย รวม 9,533,471 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 498 ราย รวม 138,657 ราย บราซิล พบเพิ่ม 48,124 ราย รวม 6,436,650 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 669 ราย รวม 174,531 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 151 ของโลก
ส่วนกระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า วันนี้จะมีคนเดินทางกลับเข้าไทยอีก 461 ราย 14 เที่ยวบิน ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา 10 ราย เยอรมนี 83 ราย โอมาน 5 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2 เที่ยวบิน 29 ราย ฮังการี 67 ราย ฮ่องกง 3 เที่ยวบิน 7 ราย เกาหลีใต้ 2 เที่ยวบิน 160 ราย ญี่ปุ่น 70 ราย เวียดนาม 3 ราย ฟิลิปปินส์ 27 ราย โดยทั้งหมดต้องเข้ารับการกักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ เพื่อเฝ้าดูอาการ 14 วัน
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/