นายกฯสั่งสอบเหตุยิงกันในม็อบหน้า SCB สนง.ใหญ่-รอง ผบช.น.แถลงยันการ์ดอาชีวะทะเลาะกันเอง ชี้พกปืนในที่ชุมนุมผิดกฎหมาย-เผยมีหลักฐานสาวถึงคนทำผิด ยังไม่ได้รับรายงานเรื่อง ตร.แสดงตัวจับ‘ไผ่ ดาวดิน’ ด้านกลุ่มการ์ดม็อบอ้างมีคนแฝงตัวมาใช้ความรุนแรง
..................................
เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2563 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2563 ภายหลังการยุติชุมนุมบริเวณหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ แยกรัชโยธิน โดยมีเหตุวุ่นวายเกิดเสียงระเบิด และเสียงปืน จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บว่า จากที่ได้รับรายงานจาก สน.พหลโยธิน เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 22.00 น. หลังจากผู้ชุมนุมเลิกชุมนุมแล้ว มีการทะเลาะวิวาท มีการโยนประทัด หรือวัสดุอย่างหนึ่งใส่กัน หลังจากนั้นกลุ่มผู้ที่ทะเลาะกัน 2 กลุ่มใช้อาวุธปืนยิงใส่อีกกลุ่มหนึ่งจนได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้อยู่ที่ห้องไอซียูโรงพยาบาลพระราม 9 เจ้าหน้าที่สอบสวนพยานในที่เกิดเหตุแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ปาก ทราบว่ามีการทะเลาะเบาะแว้งมาตั้งแต่ฝั่งธนาคารไทยพาณิชย์ โดยหลังจากมีการเลิกชุมนุมมีการถกเถียงต่อกัน แล้วมีการทะเลาะวิวาทกัน เบื้องต้นพบว่าเป็นกลุ่มการ์ดของคณะราษฎร เป็นกลุ่มการ์ดจากเทคนิคมีนบุรี หรืออาชีวะมีนบุรีโปลีเทคนิค และผู้บาดเจ็บมาจากอาชีวะปทุม
“เป็นกลุ่มการ์ดด้วยกันทะเลาะกัน มีภาพจากกล้องวงจรปิด และคลิปจากผู้สื่อข่าวและประชาชนบริเวณนั้นบันทึกภาพไว้ ยืนยันว่าผู้ก่อเหตุทั้ง 2 กลุ่ม เป็นกลุ่มการ์ดของคณะราษฎรแล้วทะเลาะกันด้วยเรื่องงานในธนาคารไทยพาณิชย์ ไม่ได้มีกลุ่มอื่นเข้ามาแฝงตัวแต่อย่างใด” พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว
@ชี้พกปืนในที่ชุมนุมผิดกฎหมาย-เผยมีหลักฐานสาวถึงคนทำผิด
ส่วนกรณีการพกปืนเข้าที่ชุมนุมจะส่งผลกับการดูแลความปลอดภัยในอนาคตหรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า เป็นส่วนหนึ่ง ทั้งการชุมนุมที่แยกเกียกกาย และการชุมนุมที่นี่ เป็นครั้งที่ 2 แล้ว การชุมนุมเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ต้องเป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ การนำอาวุธเข้ามาจะทำให้การชุมนุมเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย เป็นที่ชัดเจนตั้งแต่ครั้งที่แล้ว และครั้งที่ธนาคารไทยพาณิชย์ อย่างไรก็ดี บช.น. มีมาตรการต่าง ๆ ในการดูแลความเรียบร้อย รวมถึงการสืบสวน และจับกุมผู้กระทำผิด หลังจากนี้อาจจำเป็นต้องมีมาตรการอื่น ๆ เพิ่มขึ้น โดยการสืบสวนคืบหน้าไปมากแล้ว ได้ทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด และพยานหลักฐานบางอย่างที่อาจนำตัวถึงผู้กระทำผิด
เมื่อถามถึงการนัดชุมนุมครั้งถัดไป รอง ผบช.น. กล่าวว่า ทราบว่ามีการนัดชุมนุมในวันที่ 27 พ.ย. 2563 ในเวลา 16.00 น. ส่วนกรณีแกนนำผู้ชุมนุมมีการประกาศว่า จะมีการยกระดับการชุมนุมขึ้นอีกนั้น ต้องฝากเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมว่า การชุมนุมเป็นสิทธิตามกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ ผู้จัดการชุมนุมต้องเข้มงวดกับการ์ดของตัวเอง ต้องมีการตรวจอาวุธอุปกรณ์ สิ่งของ ถ้ากระทำผิดเช่นนี้ ตำรวจต้องมีมาตรการและดำเนินการตามกฎหมาย แต่ไม่กังวลเพราะประชาชนที่เข้ามาร่วมใช้สิทธิเรียกร้องในปัญหาบางอย่างไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือปัญหาใหญ่
@ยืนยันผู้ก่อเหตุยิงกันเป็นกลุ่มการ์ด
“จากการสืบสวนยืนยันแน่นอนว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุทั้ง 2 ฝ่าย อยู่ในกลุ่มการ์ดที่มาทำหน้าที่ที่เดียวกัน ถ้าเจอเหตุเช่นนี้หลายกลุ่มจะถอนตัวออกอย่างแน่นอน ถ้าการชุมนุมมาแล้วไม่มีความปลอดภัย เช่น มาแล้วทะเลาะวิวาทกัน ใช้อาวุธ โดยเฉพาะการวิวาทในกลุ่มการ์ดด้วยกัน ผู้ชุมนุมอาจโดนลูกหลง ครั้งนี้โชคดีคือมีการทะเลาะหลังเลิกชุมนุมแล้ว หากมีการวิวาทกันระหว่างที่ชุมนุม ประชาชนที่มาชุมนุมโดยสุจริตใจอาจได้รับผลกระทบ” รอง ผบช.น. กล่าว
ส่วนกรณีการวางตู้คอนเทนเนอร์ เป็นแนวกั้นโดยรอบพื้นที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า วันนี้มีการเคลียร์ตู้คอนเทนเนอร์ออกจากพื้นที่ทุกจุดเรียบร้อยแล้ว มีการวางเครื่องกีดขวาง และมีมาตรการตามความจำเป็นและความเหมาะสมของสถานการณ์ เมื่อหมดความจำเป็นต้องรีบเคลียร์พื้นที่โดยเร็ว นำสิ่งของเหล่านั้นออกจากพื้นผิวการจราจรเรียบร้อย ส่วนการจราจรวันนี้คล่องตัวดี
@ยังไม่ได้รับรายงานเรื่อง ตร.แสดงตัวจับ‘ไผ่ ดาวดิน’
พล.ต.ต.ปิยะ ยังกล่าวถึงกรณีของนายจตุภัทร์ บุญรักษา (ไผ่ ดาวดิน) ที่มีกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่เข้าไปแสดงตัวจับกุมก่อนมีกลุ่มการ์ดมากันออกนอกพื้นที่ว่า ในส่วนนี้ยังไม่ได้รับรายงาน อย่างไรก็ดีเมื่อมีการกระทำผิดจะต้องถูกออกหมายเรียก หรือหมายจับทุกรายทุกฝ่าย เมื่อมีหมายจับเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการสืบสวนและจับกุม เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายในทุก ๆ กรณี
(พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. ให้สัมภาษณ์สื่อถึงเหตุยิงกันหน้า SCB เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา)
@นายกฯสั่งสอบเหตุยิงหน้า SCB สนง.ใหญ่
วันเดียวกัน ที่อิมแพคอารีนา เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการชุมนุมกลุ่มราษฎร บริเวณธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ แยกรัชโยธิน เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2563 ว่า เคยพูดหลายครั้งแล้วว่า หากเป็นการชุมนุมที่ถูกกฎหมายห้ามอะไรไม่ได้ ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ตามต้องเคารพกฎหมาย อย่าทำผิดกฎหมาย กฎหมายเขียนว่าอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามนั้น รัฐบาลมีหน้าที่จะดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนไม่ว่าจะกี่พวกก็ตาม แต่ไม่ว่าจะพวกไหนก็ต้องไม่ทำผิดกฎหมาย ใครทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีเหมือนกัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ยิงกันหลังการชุมนุมนั้น ไม่น่าจะเกิดขึ้น เป็นเรื่องที่น่าเสียใจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ตนกำลังให้เจ้าหน้าที่สอบสวนติดตามอยู่ เพราะเห็นว่ามีภาพถ่าย ที่สื่อได้บันทึกไว้จะได้พิสูจน์ได้ว่าใครทำไม่อย่างนั้นก็จะโยนกันไปโยนกันมาว่าอีกพวกหนึ่งทำ หรือว่ารัฐบาลทำ ทั้งที่รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลให้ทุกคนปลอดภัยเพราะเป็นหน้าที่ของรัฐบาล เข้าใจหรือไม่ ดังนั้นการชุมนุมจะต้องช่วยกัน เป็นการชุมนุมที่ปลอดภัย อย่าให้เกิดขึ้นอีก ถ้าคนไปร่วมชุมนุมแล้วไม่ปลอดภัยเขาก็ไม่ไป
@เผยอำนวยความสะดวกแก้ไข รธน.คือจบ สั่งใครไม่ได้
เมื่อถามถึงกรณีการลดความขัดแย้งควรจะแก้ไขและธรรมนูญให้เสร็จสิ้นโดยเร็วหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นกระบวนการของรัฐสภา เป็นเรื่องของพรรคการเมือง ทั้งพรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งประธานสภาฯดูแลอยู่แล้ว รัฐบาลจะไม่ก้าวล่วง เพราะเราเป็นฝ่ายบริหาร เราไม่มีส่วนร่วมตรงนั้น อย่าเอาปัญหานี้ไปใส่ปัญหานั้น เราเป็นฝ่ายบริหาร ตรงนั้นเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ เรื่องแก้รัฐธรรมนูญเราเพียงอำนวยความสะดวกให้มีการแก้ไขเท่านั้นก็จบแล้ว สั่งใครได้ที่ไหน
@ฝากคนทั้งประเทศชุมนุมนานยิ่งเสียหายมากใครได้ประโยชน์
เมื่อถามอีกว่า นายกฯได้ประเมินหรือไม่ว่าการชุมนุมจะยืดเยื้อจนส่งผลกระทบมากน้อยแค่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากฝากคนทั้งประเทศให้กังวลด้วย เพราะตนกังวลอยู่แล้ว ยิ่งชุมนุมนานไปก็ยิ่งเสียหายมากขึ้น ยิ่งนานไปเศรษฐกิจก็ขับเคลื่อนไม่ได้ ยิ่งนานไปการจราจรก็ติดขัดมากขึ้น ขอถามว่า ได้ประโยชน์กับใคร เขาอาจจะได้ประโยชน์ของเขา แต่หาวิธีการอื่นไม่ได้หรือ ที่ดีกว่า ที่มันสงบ ไม่ให้เกิดอันตราย หรือไปล่วงละเมิด ตรงนั้นมากกว่าสื่อช่วยกันพูด
@การ์ดม็อบราษฎรอ้างมีคนแฝงตัวมาใช้ความรุนแรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน กลุ่มฟันเฟืองธนบุรี หนึ่งในการ์ดของม็อบราษฎร ออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊กเรื่องเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ณ พหลโยธิน ระบุว่า สืบเนื่องจากเหตุการณ์ในคืนของวันที่25 พ.ย. 2563 หลังจากการชุมนุมได้ถูกยุติลง ทางกลุ่มฟันเฟืองทุกที่และกลุ่มอาชีวะกลุ่มอื่นกำลังรวมตัวเพื่อที่จะกลับที่พัก ได้มีเหตุความรุนแรงจากบุคคลกลุ่มหนึ่งที่ก่อเหตุสร้างความรุนแรงโดยใช้อาวุธร้ายแรงซึ่งเป็นเหตุให้เพื่อนเราหลายท่านได้รับบาดเจ็บและหนึ่งในเพื่อนฟันเฟืองประชาธิปไตยได้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วนจากคมกระสุนปืนจากผู้สร้างสถานการณ์
จากเหตุการณ์ดังกล่าวมีความชัดเจนจากหลักฐานว่ามีกลุ่มคนจากฝ่ายที่ต้องการใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตยได้แฝงตัวเขามาในกลุ่มอาชีวะกลุ่มหนึ่งเพื่อก่อความไม่สงบ สร้างบรรยากาศความไม่ปลอดภัยแก่ผู้ที่เรียกร้องประชาธิปไตยอย่างสันติ ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้เรียกร้องประชาธิปไตยมีเพียงมือเปล่าไม่มีอาวุธร้ายแรงใดถูกกระทำอย่างโหดร้ายอุกอาจ แต่เราฟันเฟืองประชาธิปไตยจะยืนหยัดในการต่อสู้อย่างสันติปราศจากอาวุธต่อไป และขอให้ผู้ที่สร้างสถานการณ์หรือมีส่วนรู้เห็นออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมิได้ลดทอนความเป็นเพื่อนร่วมเส้นทางประชาธิปไตยหากแต่ยังสร้างให้เรามีความเหนียวแน่นกันมากยิ่งขึ้น และเราจะดำเนินการไปด้วยกันเพื่อให้ผู้ได้รับบาดเจ็บได้รับความเป็นธรรม ทั้งทางกฎหมายและภาคสังคม
“เราจะไม่ยินยอมให้ความรุนแรงทำร้ายเรา เราจะสู้กับความรุนแรงด้วยสันติวิธี”
ฟันเฟืองประชาธิปไตย
26/11/2563
อ่านประกอบ : บิ๊กเซอร์ไพรส์!'ส.ศิวรักษ์'ร่วมเวทีปราศรัยม็อบราษฎร ขับไล่'บิ๊กตู่'ใช้ ม.112 จับแกนนำ
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage