ป.ป.ท.แพร่ข้อมูลศาลอาญาคดีทุจริตฯภาค 1 พิพากษา 2 คดีอดีต พนง.แบงก์ยักยอกเงินโดยทุจริต จำคุกจริง 1 ราย 20 ปี 60 เดือน อีกรายจำคุก 4 ปี 12 เดือน แต่รอการลงโทษ 3 ปี
...........................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2563 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เผยแพร่เอกสารข่าว (Press Release) ถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีภายหลังคณะกรรมการ ป.ป.ท. ชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่ของรัฐ และส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 1 รวม 2 คดี
1.คดีที่กล่าวหานาง บ. ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งพนักงานการเงิน 7 ธนาคาร พ. ว่ากระทำการทุจริตกรณีระหว่างวันที่ 19 เม.ย. 2553-7 มิ.ย. 2553 นาง บ.มีหน้าที่รับบริการลูกค้าในการฝาก-ถอนเงินจากบัญชีธนาคารและมีอำนาจอนุมัติหากเป็นกรณีเป็นจำนวนไม่เกิน 100,000 บาท แต่หากเกินจำนวนดังกล่าวต้องให้ผู้ช่วยผู้จัดดการด้านการเงินหรือหัวหน้าการเงินที่เป็นผู้บังคับบัญชาใส่รหัสและลงชื่อในใบถอนเงิน อย่างไรก็ดีนาง บ. ปลอมลายมือชื่อของลูกค้า และผู้ช่วยผู้จัดการด้านการเงิน หรือหัวหน้าการเงินในใบถอนเงิน และใส่รหัสของผู้ช่วยผู้จัดการด้านการเงินหรือหัวหน้าการเงิน แล้วถอนเงินจากบัญชีลูกค้าธนาคาร เบียดบังเงินไปเป็นของตนโดยทุจริต ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ท. ดำเนินการไต่สวน และชี้มูลความผิดนาง บ. ก่อนส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ
เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2563 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 พิพากษาว่า นาง บ. มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 เป็นความผิด 10 กรรม ให้เรียงกระทงลงโทษ จำคุกกระทงละ 5 ปี นาง บ.ให้การยอมรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จำคุกกระทงละ 2 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 20 ปี 60 เดือน ให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน จำนวน 1,993,953.67 บาทให้แก่ธนาคาร พ. ผู้เสียหาย
2.คดีกล่าวหา นางสาว อ. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพนักงานธุรกิจสาขาอาวุโส ธนาคาร อ. กระทำการทุจริต กรณีเมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2557-14 ต.ค. 2557 นางสาว อ. ปฏิบัติงานด้านการรับฝาก-ถอนเงิน และรับชำระหนี้เงินกู้ของธนาคาร ถอนเงินจากบัญชีลูกค้า โดยกรอกข้อความในใบถอนเงินโดยใช้ชื่อ นาย น. เป็นผู้ถอนเงิน และปลอมลายมือชื่อนาย น. แล้วถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากของ นาย น. ไป 2 ครั้ง เป็นเงิน 9 แสนบาท และ 1.1 แสนบาทตามลำดับ แล้วเบียดบังเงินไปเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ท. ดำเนินการไต่สวน และมีมติชี้มูลความผิด นางสาว อ. ก่อนส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ
เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2563 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 พิพากษาว่า นางสาว อ. มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4, 11 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป และยังเป็นความผิดกรรมเดียวต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามมาตรา 4 เป็นบทที่มีโทษหนักสุด จำคุกกระทงละ 5 ปี และปรับกระทงละ 10,000 บาท รวม 2 กระทงจำคุก 10 ปี ปรับ 20,000 บาท
นางสาว อ.ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกกระทงละ 2 ปี 6 เดือน ปรับกระทงละ 5,000 บาท รวมจำคุก 4 ปี 12 เดือน ปรับ 10,000 บาท
พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบรายงานการสืบเสาะและพินิจแล้ว ไม่ปรากฏว่า นางสาว อ.เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน และบรรเทาผลร้ายโดยชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายจนครบถ้วน เห็นควรให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกรอการลงโทษ 3 ปี หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage