ม็อบราษฎรประกาศยุติชุมนุม ยื่น 3 ข้อเรียกร้อง 'บิ๊กตู่' ต้องลาออก-เปิดทางแก้ รธน.-ปฏิรูปสถาบันฯ ถ้าไม่ทำตามภายใน 3 วันจะกลับมาใหม่ หลังนายกฯแถลงการณ์ขอให้ถอยคนละก้าว จ่อเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แก้ปัญหากันในสภา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ต.ค.2563 ความเคลื่อนไหวการจัดชุมนุมม็อบราษฎร หลังจากที่เมื่อวานนี้ได้ประกาศหยุดพัก 1 วัน และแจ้งว่าให้เตรียมรอการนัดหมายใหญ่ในวันนี้ เมื่อเวลา 15.00 น. เพจเฟซบุ๊กเยาวชนปลดแอก - Free YOUTH โพสต์ข้อความนัดหมายการชุมนุมในเวลา 16.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และมีการเคลื่อนขบวนไปทำเนียบรัฐบาล ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ขอให้ม็อบถอยคนละก้าว แก้ปัญหากันในสภา และเตรียมยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯนั้น
@ม็อบยุติชุมนุม-มี 3 ข้อเรียกร้องถ้าไม่ทำตาม 3 วันจะกลับมา
เมื่อเวลาประมาณ 21.20 น. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อมด้วย นายประทีป กีรติเลขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พล.ต.ต.อัครเดช พิมลศรี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เดินมาทำเนียบรัฐบาล เพื่อรับหนังสือข้อร้องเรียนจากม็อบราษฎร ท่ามกลางเสียงโห่ร้องมวลชน
โดยแกนนำม็อบ ยื่นหนังสือขอให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง พร้อมประกาศจุดยืน 3 ข้อ คือ นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง เปิดทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ และปฏิรูปสถาบันฯ ทั้งนี้ยังต้องการให้มีการปล่อยตัวมวลชนที่ถูกจับกุมระหว่างการชุมนุมด้วย
@จี้‘บิ๊กตู่’ต้องลาออก-เปิดทางร่าง รธน.ใหม่-ปฏิรูปสถาบันฯ
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 21.40 น. เยาวชนปลดแอก – Free YOUTH กลุ่มที่เคลื่อนไหวกับม็อบ โพสต์ข้อความผ่านแอปพลิเคชั่นเทเลแกรม (Telegram) ประกาศยุติการชุมนุม พร้อมกับระบุว่าการถอยเดียวของ พล.อ.ประยุทธ์ คือต้องลาออกเท่านั้น โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อคือ
1.พล.อ.ประยุทธ์ และองคาพยพต้องออกไป เพราะเข้ามาอย่างไม่ถูกต้อง บริหารอย่างล้มเหลว เศรษฐกิจพังพินาศตั้งแต่รัฐประหารเข้ามา ซ้ำยังทำให้ความเหลื่อมล้ำของประเทศสูงขึ้นเรื่อย ๆ และสิ่งสุดท้ายที่ทำให้รัฐนี้หมดความชอบธรรมโดยสิ้นเชิง คือการสลายการชุมนุมซึ่งกว่าครึ่งเป็นนักเรียนและเยาวชน ซ้ำไม่ได้มีท่าทีว่าจะชุมนุมข้ามคืน แต่รัฐกลับเลือกใช้วิธีที่รุนแรง จนทำให้เด็กเล็กโดนฉีดน้ำไปด้วย
2.เปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยประชาชน รัฐธรรมนูญ 2560 คือกติกาที่บิดเบี้ยว เราจะไม่สามารถเดินหน้าประเทศต่อได้เลย หากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังคงอยู่ มีแต่จะพาประเทศถอยหลังลงคลอง ย้อนกลับไปหลายสิบปี
3.ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้กลับมาอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างสง่างาม ตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย ไม่มีการขยายอำนาจที่ล้นเกินไปกว่าระบอบประชาธิปไตย
“นี่ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางออกทางเดียวที่จะแก้ความบิดเบี้ยวของกดกติกาและคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทย เพื่อให้ประเทศไทยกลับมาอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่กษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ คำกล่าวว่าต้องการถอยของประยุทธ์จะไม่เป็นจริง หากประยุทธ์ไม่ลาออกในตอนนี้ เราซึ่งเป็นราษฎรจึงขอยื่นคำขาดว่า ประยุทธ์จะต้องลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีเดี๋ยวนี้ ทันที หากไม่มีการลาออกภายใน 3 วันราษฎรจะกลับมา” ข้อเรียกร้องดังกล่าว ระบุ
@ม็อบลั่นยอมถอยคนละก้าว-มีเงื่อนไขให้'บิ๊กตู่'ลาออก
เวลาประมาณ 20.45 น. ผู้ชุมนุมตั้งแถวอยู่เต็มพื้นที่ถนนพิษณุโลก ขณะที่แกนนำได้ปีนขึ้นหลังรถเมล์ พร้อมประกาศว่า หลังจาก นายกรัฐมนตรีประกาศถอย 1 ก้าว โดยยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ทีความร้ายแรงฯ ผู้ชุมนุมก็พร้อมถอยหลัง 1 ก้าวเช่นกัน โดยการถอยของมวลชนคือ นายกรัฐมนตรีต้องลาออกจากตำแหน่ง พร้อมกันนี้ยังได้ทำหนังสือใบลาออกมามอบให้นายกรัฐมนตรีด้วย
@ม็อบถึงแยกนางเลิ้งหน้าทำเนียบฯแล้ว-รถฉีดน้ำแรงดันสูงจอดรอ ตร.ยันไม่ทำร้ายผู้ชุมนุม
เมื่อเวลา 19.45 น. ผู้ชุมนุมสามารถฝ่ารั้วลวดหนาม และแท่งแบริเออร์ด่านแยกอุรุพงษ์เข้ามาได้ ทำให้ตำรวจควบคุมฝูงชนต้องรีบถอยออกจากที่ตั้ง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเคลื่อนขบวนบนถนนพิษณุโลก เพื่อมุ่งหน้าไปที่ทำเนียบรัฐบาล จนกระทั่ง 20.00 น. หัวแถวเคลื่อนขบวนถึงแยกนางเลิ้ง หน้าทำเนียบรัฐบาล
ส่วนด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล แยกพาณิชยการ เจ้าหน้าที่มีการตั้งแถว พร้อมวางรั้วลวดหนามจนเต็มพื้นที่
ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า คงไม่ได้มีการวางแนวว่าจะต้องเริ่มต้นหรือสิ้นสุดตรงไหน มีการปรับกำลังตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ย้ำว่าขณะนี้เป็นช่วงที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร พี่น้องประชาชนที่มารู้อยู่แล้วว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะกับการที่มีการเคลื่อนพลมาใกล้สถานที่สำคัญ ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเข้ามาในรัศมีที่มาไม่ได้อยู่แล้ว จึงอยากให้ฉุกคิดนิดนึงว่าท่านกำลังทำผิดกฎหมายอยู่ เพราะในช่วงเย็นนายกฯได้แสดงความจริงใจในการที่จะแก้ไขปัญหาให้เกิดขึ้น และจะมีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญช่วงปลายเดือน ต.ค.นี้ รวมถึงการพิจารณายกเลิกการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากไม่มีสถานการณ์ร้ายแรง ก็จะกลับไปใช้กฎหมายตามปกติ
เมื่อถามว่า ขณะนี้ปรากฏภาพรถฉีดน้ำแรงดันสูงอยู่รอบทำเนียบรัฐบาล จะมีการสลายการชุมนุมหรือไม่ พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า เป็นไปตามปกติที่จะต้องมาจอดรอไว้ เมื่อการเจรจาไม่เป็นผลตำรวจก็จะล่าถอยไม่เข้าไปทำร้ายผู้ชุมนุม โดยเราต้องประเมินไปตามความเหมาะสมของสถานการณ์
@มวลชนถึงแยกอุรุพงษ์ เผชิญหน้า จนท.-พยายามยึดโล่ ตร.
มีรายงานว่า เมื่อเวลา 19.00 น.มวลชนเดินทางมาถึงบริเวณแยกอุรุพงษ์ โดยมีตำรวจวางกำลัง ตั้งลวดหนามพร้อมแบริเออร์ เพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุมผ่านไปยังแยกยมราชได้ ส่วนผู้ชุมนุมได้นำแบริเออร์ของเจ้าหน้าที่มาตั้งเป็นแนวไว้เช่นกัน ทั้งนี้ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้ประกาศขอให้ทุกคนอย่าใช้ความรุนแรง หากใครใช้ความรุนแรงถือว่าไม่ใช่พวกเรา ทั้งนี้แกนนำบางคนประกาศว่าตอนนี้อยู่ระหว่างกรเจรจาขอให้เปิดทาง โดยขอให้มวลชนปักหลักรออยู่ในที่ตั้ง นอกจากนี้มีรายงานข่าวว่าที่ทำเนียบรัฐบาลได้ขอความร่วมมือให้ทุกคนออกจากพื้นที่แล้ว
ต่อมา เมื่อเวลา 19.20น. ระหว่างที่มวลชนกำลังตั้งแถวรับมือกับเจ้าหน้าที่ เริ่มมีการร้องขอหมวก แว่นตา เสื้อกันฝน และร่ม ขณะเดียวกันมีมวลชนส่วนหนึ่ง พังแนวลวดหนามได้บางส่วน ทำให้เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างมวลชนกับเจ้าหน้าที่ จนเกิดความวุ่นวายขึ้น โดยมีมวลชนจำนวนหนึ่งพยายามเข้ายึดโล่ของตำรวจ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องประกาศว่า อย่าดันเข้ามา และขอใช้ความรุนแรงใส่กัน
@นายกฯขอม็อบถอยคนละก้าว-จ่อเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 19.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อ่านแถลงการณ์ถึงสถานการณ์การชุมนุม เรื่อง ‘ถอยคนละก้าว เข้าสภา ใช้สติและปัญญา แก้ปัญหาร่วมกัน’ สรุปได้ว่า ในฐานะผู้นำประเทศที่ต้องรับผิดชอบต่อสวัสดิภาพที่ดีของประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ประท้วง หรือจะเป็นประชาชนที่นิ่งเงียบ ไม่ว่าบุคคลเหล่านั้นจะมีความคิดความรู้สึกแบบไหนก็ตาม วันนี้ตนจะเป็นคน ที่เริ่มก้าวแรกเพื่อที่จะลดอุณหภูมิความรุนแรง
“ผมกำลังเตรียมที่จะยกเลิก พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่กรุงเทพฯ เร็ว ๆ นี้ ยกเว้น หากมีสถานการณ์รุนแรงใด ๆ เกิดขึ้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า เมื่อเป็นเช่นนั้น ในเวลาเดียวกัน ผมก็ขอให้ผู้ประท้วง แสดงความจริงใจในเจตนาดีของท่านที่มีต่อประเทศดังที่ท่านพูด โดยการเคารพกฏหมาย เคารพระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ขอให้ท่านแสดงความคิดความต้องการผ่านผู้แทนราษฎรของท่าน ซึ่งมีขั้นตอน กำหนดเวลา ไปตามลำดับ
“ผมขอพวกท่าน ด้วยความจริงใจของผม เมื่อผมยอมก้าวไปในแนวทางนี้ ผมก็ขอให้พวกท่านก้าวไปในแนวทางเดียวกันด้วย และลดระดับเสียงของการสาดถ้อยคำที่สร้างความแตกแยกและเกลียดชังในสังคม สร้างความเจ็บปวดให้กับคนในสังคม ผมขอให้ทุกคนร่วมใจกัน ทำให้เมฆดำที่กำลังเคลื่อนมาปกคลุมประเทศไทยของเรา ให้หายไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า วิธีเดียวที่เราจะได้ทางออกของปัญหา ที่จะยุติธรรมสำหรับทุกฝ่าย ทั้งสำหรับประชาชนที่ออกมาอยู่บนท้องถนน และสำหรับประชาชนอีกหลายสิบล้านคนที่ไม่ได้ออกมา คือการพูดคุยกัน ทำงานด้วยกัน ผ่านระบบ และกระบวนการของรัฐสภา
“ผมรู้ว่าเส้นทางนี้อาจจะต้องใช้เวลาและอาจจะไม่รวดเร็วทันใจ แต่เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่จะไม่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ ซึ่งเราต้องแสดงความใจเย็น และความเป็นผู้ใหญ่ในตัวของเราทุกคนออกมา กล้าที่จะเดินในเส้นทางสายกลาง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า เราได้เห็นการกระทำ ที่น่าหดหู่ใจอย่างมากที่เกิดขึ้นกับตำรวจ มีการทุบตีทำร้ายตำรวจด้วยคีมเหล็กขนาดใหญ่ และพฤติกรรมรุนแรงอีกหลายอย่างต่อเจ้าหน้าที่ เป็นการตั้งใจทำร้ายคนไทยด้วยกันอย่างไรก็ตามเมื่อเรามองให้ลึกลงไปกว่านั้น แม้เราจะเห็นคนกลุ่มเล็กๆ ที่มีเจตนาร้าย และปฏิบัติตัวไม่ดีอย่างรุนแรง แต่เวลาเดียวกัน เราก็เห็นว่า ยังมีคนอีกมากมายที่แม้ว่าจะกำลังทำผิดกฏหมาย แต่ก็ปฏิบัติตนด้วยความสงบ มีเจตนาดีที่ต้องการขอความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม และมีความจริงใจที่อยากจะเห็นประเทศดีขึ้น เรามองเห็นคนกลุ่มนี้ด้วย
@ม็อบถึงแยกพญาไทมุ่งสู่ทำเนียบฯ-ตร.วางลวดหนามพร้อมแบริเออร์สกัด
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 18.00 น. ม็อบคณะราษฎรเคลื่อนขบวนมาถึงแยกพญาไท จากนั้นจะเลี้ยวขวาไปที่ถนนศรีอยุธยา เพื่อมุ่งหน้าไปทำเนียบรัฐบาลต่อไป ทั้งนี้นายนิติกร ล้ำเหลือ แกนนำ คปท.ซึ่งเห็นต่างกับการชุมนุมพยายามไม่ให้มวลชนเดินผ่านแยกพญาไท ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันเล็กน้อย แต่ไม่มีเหตุรุนแรงแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามตลอดเส้นทางถนนศรีอยุธยาการจราจรมีความหนาแน่นมวลชนจึงตัดสินใจเปลี่ยนเส้รทางไปใช้แยกราชเทวีแทน ทั้งนี้บริเวณแยกศรีอยุธยาหน้ากระทรวงการต่างประเทศ ตำรวจได้วางลวดหนามพร้อมแบริเออร์เพื่อไม่ให้มวลชนผ่านจุดดังกล่าว ซึ่งบริเวณนี้มี นพ.ทศพร เสรีรักษ์ มาร่วมสังเกตการณ์ด้วย
ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 17.40 น. มวลชนบริเวณแยกอนุสาวรีย์ชัยฯ แจ้งเคลื่อนขบวน โดยประกาศจุดหมายคือทำเนียบรัฐบาล ขณะนี้ได้เคลื่อนขบวนโดยใช้เส้นทางถนนพญาไท และหัวขบวนอยู่หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นจูรี่ ทั้งนี้ผู้ชุมนุมได้ทำป้ายผ้าใบขนาดใหญ่มาใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารในการเคลื่อนขบวนด้วย
มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เลื่อนอ่านแถลงสถานการณ์ทางการเมือง จากเดิม 18.00 น. เป็น 19.00 น.
เมื่อเวลา 15.30 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อสั่งการรักษาความปลอดภัยที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล โดนเปิดเผยเพียงว่า มาดูพื้นที่ตามปกติไม่มีอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการข่าวหรือไม่ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะมาที่ทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า มาดูพื้นที่และความเรียบร้อย ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มกำลังตำรวจเพื่อรองรับเหตุที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ซึ่งมีงานสำคัญ
ต่อมาเวลา 16.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าผู้ชุมนุมจะเดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล ขณะเดียวกันมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ในชุดสีเหลืองบริเวณรั้วด้านในทำเนียบรัฐบาลนอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินออกมาออกมายืนตั้งแถวบริเวณด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้าอีกด้วย
ขณะที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแจ้งว่า เวลาประมาณ 18.00 น. หลังเคารพธงชาติ นายกรัฐมนตรีมีแถลงการณ์ เรื่องสถานการณ์และการร่วมกันนำพาประเทศเดินต่อไปข้างหน้า
วันเดียวกัน สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ขอความร่วมมือสถานีโทรทัศน์ทุกสถานีออกอากาศแถลงการณ์นายกรัฐมนตรี เรื่องสถานการณ์การชุมนุมในวันที่ 21 ต.ค..63 เวลา 18.00 น. (หลังเคารพธงชาติ) โดยรับสัญญาณจาก ททบ.5 (แม่ข่าย)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ยังมีอีกหลายจุดทั่วประเทศที่หลายกลุ่มหลายองค์กรและประชาชนได้จัดขึ้น โดยมีจุดหลักที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ส่วนที่เหลือใน กทม. ได้แก่ หน้าเดอะมอลล์บางกะปิ และลานพ่อขุนรามคำแหง หัวหมาก ส่วนต่างจังหวัดมีอย่างน้อย 5 แห่ง ได้แก่ หน้ากระทรวงพาณิชย์ นนทบุรี สวนเพชรบุระ เพชรบูรณ์ ตลาดโต้รุ่ง ฝั่งธ.กรุงไทย สกลนคร ลานจอดรถสำงานสาธารณสุขใหม่ มาบตะพุด ระยอง และศาลาร้อยปี (ศาลากลาง) ตราด
เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. มีรายงานว่ารถไฟฟ้าบีทีเอส แจ้งหยุดให้บริการชั่วคราว เนื่องจากรัฐบาลได้มีคำสั่งตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 รวม 4 สถานี ได้แก่ 1.สถานีราชเทวี 2.สถานีพญาไท 3.สถานีอนุสาวรีย์ชัยฯ และ 4.สถานีสนามเป้า ตั้งแต่เวลา 15.30 น. เป็นต้นไป
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 12.00 น. แฟนเพจ เยาวชนปลดแอก - Free YOUTH โพสต์ภาพ พร้อมข้อความว่า การนัดหมายครั้งสำคัญ เวลา 14.00 น. พร้อมกันที่สถานีรถไฟฟ้าทุกสถานี แล้ว 15.00 น. โปรดรอฟังประกาศพร้อมกันจากเราอีกครั้ง
ทั้งนี้ในแอปพลิเคชั่นเทเลแกรมของกลุ่มผู้ชุมนุม ได้กำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับการชุมนุม 2 ข้อ คือ 1.ไม่ให้มีการกระทำหรือยั่วยุที่จะนำพาไปสู่ความรุนแรง การทำลายทรัพย์สิน หรือการทำร้ายร่างกาย และ 2.ร่วมกันยับยั้งเมื่อพบเห็นการสร้างสถานการณ์ หรือการใช้ความรุนแรง ด้วยวิธีการที่สงบ เพื่อระงับเหตุให้ยุติลงอย่างรวดเร็ว
@กอร.ฉ.เตรียมพร้อมรับบิ๊กเซอร์ไพรส์
ขณะที่ กองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) โดย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ในส่วนการดำเนินการของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เบื้องต้นให้ผู้กำกับการ และหัวหน้าสถานี และผู้บังคับการพื้นที่เป็นผุ้บริหารจัดการสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม บช.น.ได้จัดกำลังพลเสริมสนับสนุนพื้นที่ไว้เรียบร้อย สำหรับการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในห้วงที่ผ่านมา มีความพยายามแจ้งข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จ มีการแจ้งให้ประชาชนหลงเชื่อว่า มีตำรวจเข้าไปอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมและก่อความไม่สงบวุ่นวาย ในส่วนนี้ บช.น.ได้แจ้งความร้องทุกข์ และ สน.บางนา ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา 1 คนมาดำเนินคดีส่งฟ้องศาลพระโขนงและได้ลงโทษผู้กระทำความผิดเรียบร้อย อีกเรื่อง ผกก.สน.หลักสอง แจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ชุมนุมฝ่าฝืนกฎหมายที่หน้าห้างสรรพสินค้าเดอะมมอล์บางแค โดยอยู่ระหว่างการสอบสวนดำเนินคดี
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ช่วงนี้สถานการณ์สื่อสังคมออนไลน์ให้ผู้ชุมนุมเกิดความหวาดกลัว เช่นการบอกว่าเจ้าหน้าที่จะใช้กระสุนจริงยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุม หรือมีการสร้างข่าปลอมว่าเจ้าหน้าที่สังหารหมู่ประชาชน ขอกราบเรียนว่า กอร.ฉ. ไม่มีคำสั่งให้ใช้กระสุนจริงอย่างแน่นอน และขอยืนยันว่าการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่จะทำภายใต้กรอบกฎหมายอย่างเคร่งครัด เนื้อหาลักษณะนี้เป็นข่าวปลอมที่มีเนื้อหารุนแรง การกระทำดังกล่าวมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท นอกจากนี้ยังฝ่าฝืนข้อห้าม พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ที่มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท ขอความร่วมมือประชาชนอย่าส่งต่อข้อความดังกล่าว ที่อาจสร้างความสับสน
และสร้างความตื่นตระหนกให้เกิดขึ้นกับสังคม
พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่เริ่มมีการรวมกันของมวลชนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่จะมีความสุ่มเสี่ยงให้เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างประชาชน ว่า ความเป็นห่วงมีอยู่ทุกเรื่อง ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีแผนในการรับมือปฏิบัติทุกรูปแบบอยู่แล้ว ที่สัคญ มีหน่วยร่วมปฏิบัติทุกภาคส่วนมาร่วมปฏิบัติ หากสถานการณ์ไปในทิศทางไหน สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหน่วยร่วมปฏิบัติที่พร้อมแก้ไขสถานการณ์ทุกเรื่อง เราเตรียมพร้อมรับบิ๊กเซอร์ไพรส์ทุกวันอยู่แล้ว และที่ผ่านมาจะเห็นว่า เราสามารถรักษาสมดุล การบังคับใช้กฎหมาย ความสงบสุข และความปลอดภัยของประชาชน ได้พอสมควร คิดว่าเป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่า สามารถดำเนินต่อไปได้ โดยที่เราไม่ได้หนักใจอะไร
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage