"อนุชา" ยันประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง เหตุชุมนุมคณะราษฎรกระทบชาวไทยจำนวนมาก ขณะที่โฆษก ตร.ยันมีแกนนำและมวลชนถูกจับรวม 22 คน ย้ำ พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรงฯ ห้ามชุมนุม - เคลื่อนย้ายคน
--------------------------------------------------------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ต.ค.2563 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรง ว่า เหตุผลและความจำเป็นที่ต้องออกประกาศและคำสั่งรวมทั้งหมด 4 ฉบับ เพราะต้องการทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยในประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. และถือเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงได้ในอนาคต ทั้งนี้จะเห็นจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ต.ค.2563 เป็นเหตุการณ์ที่เรียกว่ามีผลกระทบกับชาวไทยจำนวนมากกับกรณีที่มีการเข้าใกล้ขบวนเสด็จพระราชดำเนิน และใช้วาจาปลุกปั่นก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงอยากป้องกันไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากันกับประชาชนคนไทยด้วยกันเอง ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีหลายส่วนแสดงท่าทีไม่ต้องการให้ผู้ชุมนุมก้าวล่วงหรือพาดพิง และไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องรักษาความสงบเรียบร้อย ป้องกันความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น
นายอนุชา กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ตนคิดว่าการพูดคุยกัน ยังเป็นเรื่องที่มีโอกาสที่จะเปิดเวทีรับฟังความเห็นต่างๆ ได้ รัฐบาลเองอยากจะให้ผู้ที่ชุมนุมทั้งหมดเคารพในสิทธิเสรีภาพของส่วนรวมด้วย นอกจากนั้นเรายังอยู่ในช่วงเฝ้าระวังโควิด ขณะที่ภาคเศรษฐกิจก็ย้ำว่า เศรษฐกิจจะดำเนินไปได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความสงบเรียบร้อยในประเทศด้วย ทั้งนี้โควิดเราควบคุมได้ ส่วนมาตรการเศรษฐกิจก็ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นขอให้ทุกท่านระมัดระวังในเรื่องกระทบกระทั่งกัน ที่สำคัญที่สุดขอให้ระมัดระวังการโพสต์ข้อความหรือแสดงความคิดเห็นในโซเชียลมีเดีย ส่วนผู้ที่ถูกดำเนินคดีจะมีใครบ้างเป็นความรับผิดอบของตำรวจที่จะต้องดำเนินการต่อไป ขณะที่รัฐบาลจะพยายามรักษาความสงบเรียบร้อยให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ดังนั้นขอให้ทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วมในการพูดคุยกัน โดยต้องอยู่ในกรอบความเรียบร้อยของกฎหมาย
เมื่อถามว่าการนัดหมายชุมนุมที่แยกราชประสงค์ในเย็นวันนี้จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ข้อกำหนดทั้งหมดได้ประกาศไว้ครอบคลุมแล้ว ว่าห้ามไม่ให้ชุมนุมหรือมั่วสุมเกิน 5 คนขึ้นไปหรือการกระทำที่ยุยงไม่เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ดังนั้นขอให้ทุกคนระมัดระวังการกระทำผิดกฎหมายในช่วงนี้ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี อยากให้ทุกคนช่วยกันเดินหน้าประเทศ สิ่งที่เน้นย้ำก็คือรวมไทยสร้างชาติ ไม่ว่าเรื่องใดๆก็ตาม ขอให้รวมใจเป็นหนึ่งเดียว ร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรค ไม่ว่าจะเศรษฐกิจหรือโควิด หรือเรื่องอื่นๆที่เห็นต่างกัน รัฐบาลก็พร้อมเปิดเวทีรับฟังทุกอย่างภายใต้กฎหมาย โดยเสียงส่วนใหญ่ต้องฟังเสียงส่วนน้อย เสียงส่วนน้อยก็ต้องเคารพสิทธิเสรีภาพของทุกฝ่ายเช่นเดียวกัน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 16 ต.ค.2563 นี้จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ ซึ่งเป็นการประชุมคณะเล็ก เพื่อให้รับทราบคำสั่งและประกาศที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรง โดยจะมีการประชุมกันที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า เวลา 10.00 น.
ด้าน พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า วันนี้จะมีการตั้งกองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง หรือ กอรฉ. ที่ ศปก.ตร.ชั้น 20 โดยมีหน่วยร่วมปฏิบัติทั้งทหารและข้าราชการพลเรือนซึ่งทั้งหมดจะมีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่ทั้งสิ้น โดยมี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ควบคุมสั่งการ ฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชนให้ปฏิบัติตามประกาศงดการชุมนุม งดการเคลื่อนย้ายคน และตั้งแต่วันนี้จะมีการตั้งจุดตรวจความมั่นคงเพื่อเป็นไปตามประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรงฯ ซึ่งอาจมีผลกระทบด้านจราจรกับประชาชนบ้างแต่จะให้กระทบน้อยที่สุด ขอขยายความว่า การห้ามชุมนุมเกิน 5 คน ถ้าเป็นงานประชุม สังสรรค์ ไม่เกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองที่เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสังคมสามารถกระทำได้
พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวด้วยว่า ส่วนผลการปฏิบัติหน้าที่เมื่อช่วงเช้าทีผ่านมา ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด 22 คนที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จ.ปทุมธานี และมีผู้ต้องหา 4 คน ถูกดำเนินคดีในฐานะแกนนำ ส่วนอีก 18 คนถูกดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่วนแกนนำที่เหลือถ้าใครมีหมายจับก็จะดำเนินคดีเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานมีการจับกุม นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ระยอง แต่อย่างใด
โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ไม่ได้ประมาท และเตรียมความพร้อมที่จะปฏิบัติกับกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นไปตามสิทธิมนุษยชน และข้อกำหนดของกฎหมาย ส่วนการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์ ถ้ามีมวลชนเข้ามาโอกาสแรกเราก็ระงับยับยั้งไม่ให้มีการชุมนุม ถ้าเป็นโรคเราก็รักษาตามอาการเพราะเราเป็นหน่วยงานที่มีความชำนาญอยู่กับเรื่องนี้มาเกิน 10 ปี ยาตัวนี้คือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรง เป็นเครื่องมือระงับยับยั้งที่อาจรุนแรงได้
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage