‘กรมศิลปากร-กทม. เข้าแจ้งความ สน.ชนะสงคราม เอาผิดกลุ่มม็อบปลดแอก ปมฝังหมุดคณะราษฎรใหม่ - ล่าสุดหมุดหายปริศนา หลังจากติดตั้งอยู่ในพื้นที่ได้เพียง 1 วัน - 'หมอตุลย์' โผล่แจ้งความเอาผิด 3 แกนนำม็อบ ตาม ป.อาญา ม.112 ด้วย
--------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2563 ที่ สน.ชนะสงคราม นายสถาพร เที่ยงธรรม ผู้อำนวยการกองโบราณคดี ในฐานะตัวแทนจากกรมศิลปากร เข้าแจ้งความกับ พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ในความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.โบราณสถานโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 กรณีกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมจัดการชุมนุม 19 ก.ย. โดยมีการฝังหมุดคณะราษฎรใหม่ลงบริเวณพื้นที่สนามหลวง เบื้องต้นพนักงานสอบสวนกำลังสอบปากคำพร้อมตรวจสอบพยานหลักฐาน
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2563 ที่ผ่านมา กทม. และสำนักงานเขตพระนคร เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ในความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.โบราณสถานฯ เนื่องจากกรมศิลปากร ได้จัดให้สนามหลวงเป็นสมบัติของชาติ และส่วนรวม ที่อยู่ในการควบคุมดูแลของ กทม. ให้ประชาชนออกกำลังกายหรือพักผ่อนหย่อนใจ การขุดเจาะต่าง ๆ ต้องขออนุญาตจากกรมศิลปากร เมื่อเกิดการชุมนุมหรือขุดขึ้นมาจึงถือเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา หน่วยงานของเจ้าหน้าที่รัฐจึงมีสิทธิ์แจ้งความ
@หมุดหายจากสนามหลวงปริศนา
วันเดียวกันช่วงเช้า สำนักรายงานตรงกันว่า เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 21 ก.ย. หมุดคณะราษฎร 2563 ที่กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ปักไว้ที่ท้องสนามหลวง ขณะที่มีการจัดการชุมนุม 19 - 20 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้หายไปจากพื้นที่โดยมีปูนซีเมนต์เทปิดทับไว้แทน
ทั้งนี้พื้นที่ท้องสนามจะเปิดให้ประชาชนเข้าใช้พื้นที่ในการออกกำลังกาย ตั้งแต่เวลา 05.00-22.00 น.ของทุกวัน และยังไม่ทราบว่ามีการรื้อถอนในช่วงเวลาใดหรือใครเป็นผู้ดำเนินการ
@‘หมอตุลย์’เอาด้วย! แจ้งความเอาผิด 3 แกนนำม็อบปลดแอกตาม ม.112
วันเดียวกัน ที่ สน.ชนะสงคราม นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อหลากสี แจ้งความกับ พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ให้ดำเนินคดีต่อนายอานนท์ นำภา นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง 3 แกนนำกลุ่มม็อบปลดแอก ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีการกล่าวปราศรัยบนเทวีชุมนุม 19 ก.ย. 2563 โดยนำหลักฐานเอกสารข่าว ไฟล์ภาพ และเสียงการปราศรัยบนเวทีของบุคคลทั้งสามมาประกอบการแจ้งความ
นพ.ตุลย์ กล่าวว่า มาแจ้งความเอาผิดกับนายอานนท์ นายพริษฐ์ และ น.ส.ปนัสยา หลังเอ่ยถึงสถาบันฯด้วยถ้อยคำไม่เหมาะสม พร้อมเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันฯ เป็นการดูหมิ่นสถาบันฯ เพราะคนไทยทั้งหลายต่างไม่รู้สึกสบายใจ ตนไม่ได้อยากให้บุคคลทั้ง 3 รายต้องติดคุก แต่คาดว่าจะขอให้ได้รับการอภัยโทษโทษตามกฎหมาย ตนไม่อยากให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก หากไม่เห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรี รัฐธรรมนูญ หรือเรื่องการเมืองก็เรียกร้องได้ เอามานั่งถกเถียงกันได้ ถือเป็นสิทธิ์ของพวกเขา เว้นแต่เรื่องของสถาบันฯ ขอร้องอย่าปราศรัยเรื่องนี้ผ่านสื่อ
“ผมไตร่ตรองอย่างหนักแล้วว่าการแจ้งความครั้งนี้ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งบุคคลทั้งสาม เพราะกฎหมายนั้นมีไว้เพื่อความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง หากไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องสถาบัน แม้การใช้สถานที่ชุมนุมที่ไม่เหมาะสมก็เข้าข่ายความผิดมาตรา 116” นพ.ตุลย์ กล่าว
@'ศรีสุวรรณ'ไล่บี้กรมศิลปากร เอาผิดแกนนำม็อบปมปักหมุดคณะราษฎร
ขณะที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางยื่นคำร้องต่ออธิบดีกรมศิลปากร เพื่อขอให้ดำเนินการเอาผิดแกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม โดยระบุว่า กลุ่มผู้ชุมนุมได้บุกรุกเข้าใช้สนามหลวงโดยไม่ได้ขออนุญาตจาก กทม. และมีการตัดทำลายรั้วซึ่งเป็นทรัพย์สินของทางราชการ และเจาะพื้นสนามหลวงจนทำให้เกิดความเสียหาย
นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า สนามหลวง ได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ ตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค. 2520 โดยมีชื่อว่า โบราณสถานทุ่งพระเมรุ (สนามหลวง) ซึ่งตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปี 2504 แก้ไขเพิ่มเติม ปี 2535 มาตรา 32 ซึ่งระบุว่า ผู้ใดบุกรุกโบราณสถาน หรือทําให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือ ทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งโบราณสถาน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 7 แสนบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และโทษของการบุกรุกและทำลายโบราณสถานจะหนักขึ้นเป็น จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าโบราณสถานแห่งนั้นเป็นโบราณสถานที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้ว
นอกจากนั้น กรุงเทพมหานคร ได้ออกระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยการใช้ บำรุง และการดูแลพื้นที่ท้องสนามหลวง ปี 2555 เพื่อให้ใช้พื้นที่ท้องสนามหลวงเพื่อการจัดงานได้เพียง 4 ประเภทเท่านั้น คือ งานพระราชพิธี งานรัฐพิธี งานประเพณีสำคัญของชาติโดยหน่วยงานของรัฐ และการจัดการแข่งขันกีฬาไทยประจำปี โดยห้ามการแสดงกิจกรรมหรือข้อความหรือการกระทำด้วยประการใดที่ไม่เหมาะสม ขัดกฎหมาย หรือในลักษณะเป็นการดูหมิ่นชาติ ศาสนาหรือสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยหรือของประเทศอื่น รวมทั้งต้องไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีและประเพณีไทย และการจัดงานต้องไม่มีวัตถุประสงค์ทางการเมืองไม่ว่าด้วยประการใด และไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
นายศรีสุวรรณ กล่าวด้วยว่า จากเหตุดังกล่าวกลุ่มผู้ชุมนุมได้ฝ่าฝืนกฎหมายหลายบท หลายกรรมดังกล่าว ถือว่ามีความผิดร่วมกันฐานเป็นตัวการและสนับสนุน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 จึงมิอาจปล่อยให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีต่อเยาวชนและประชาชนต่อไปได้ จึงได้นำเรื่องร้องเรียนต่ออธิบดีกรมศิลปากร และ ผู้อำนวยการเขตพระนคร ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่และผู้เสียหาย เพื่อเร่งแจ้งความดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญาต่อไป
หมายเหตุ : ภาพประกอบผู้อำนวยกองโบราณคดี กรมศิลปากร จาก https://www.thaipost.net/
อ่านประกอบ :
พลิก พ.ร.บ.โบราณสถานฯ กรณีปักหมุดคณะราษฎร ผิด หรือ ไม่ผิด ?
'ม็อบ' ปักหมุดคณะราษฎร กลางสนามหลวง-ยื่นหนังสือองคมนตรี-ล่าสุดยุติชุมนุมแล้ว
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage