'ยุทธพงศ์ แนะจับตา 31 ส.ค.นี้ กมธ.งบประมาณฯ เลื่อน-ไม่เลื่อนพิจารณาโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ จี้กองทัพเรือเปิดรายละเอียดสัญญา - เตรียมเสนอพรรคเพื่อไทย ยื่นศาล รธน.ตีความ ม.178 ปมจีทูจีเป็นหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ แต่ยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา
-----------------------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranew.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ส.ค. นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.เพื่อไทย ในฐานะรองประธานอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ในคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 แถลงขอให้สังคมติดตามการพิจารณาประมาณการจัดซื้อเรือดำน้ำที่จะเข้าสู่ กมธ.ในวันที่ 31 ส.ค.นี้ เนื่องจากที่ผ่านมามีการเลื่อนวาระพิจารณาไปแล้วหลายครั้ง ขณะเดียวกันยังมีกระแสข่าวว่าจะเชิญกองทัพเรือมาชี้แจงรายละเอียดการซื้อ ทั้งที่ กมธ.ยังไม่ได้รับฟังรายงานของอนู กมธ.ครุภัณฑ์ฯ แต่อย่างใด ซึ่งในรายงานหน้าที่ 17 ระบุไว้ชัดเจนว่า โครงการนี้สามารถเลื่อนได้ ไม่มีผลผูกพัน ไม่มีความเสียหาย
นายยุทธพงศ์ กล่าวด้วยว่า เมื่อตรวจสอบโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำที่เป็นการทำสัญญาระหว่างรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี โดยเฉพาะในการจัดซื้อเรือดำน้ำลำแรก ไม่เคยพบหนังสือมอบอำนาจอย่างเป็นทางการทั้งรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน ตามที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวอ้างว่ามีเอกสารครบทั้งหมด อีกทั้งเมื่อตรวจสอบรายละเอียดที่มีการจ่ายเงินไปแล้วหลายงวด พบว่า เป็นการโอนเงินให้บริษัท China Shipbuilding & Offshore International Co., Ltd. (CSOC) เหตุใดจึงไม่โอนเงินเข้าบัญชีกระทรวงการคลังหรือกระทรวงกลาโหมของจีน จึงขอเรียกร้องให้กองทัพเรือชี้แจงรายละเอียดเหล่านี้ให้สาธารณชนรับทราบด้วย
“ทำไมพวกเราถึงไม่เคยเห็นหนังสือมอบอำนาจ ทั้งที่เป็นโครงการใหญ่มาก โดยเฉพาะการซื้อขายเรือดำน้ำ 3 ลำ มูลค่าทั้งหมด 3.6 หมื่นล้านบาท และยังมีเรือสนับสนุนเรือดำน้ำที่คล้ายกับเรือบรรทุกเครื่องบินมูลค่า 8,000 ล้านบาท และต้องมีแผนที่เรือดำน้ำ สถนีจอดเรือดำน้ำ รวมเบ็ดเสร็จทั้งโครงการใช้เงิน 5 หมื่นล้านบาท แต่มาถึงวันนี้ผมไม่เคยเห็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน พูดคุยกันเรื่องโครงการนี้ ยังไม่เคยเห็นภาพการเซ็นต์สัญญาหรือลงนามความร่วมมือระหว่างกัน ทั้งที่เป็นโครงการขนาดใหญ่” นายยุทธพงศ์ กล่าว
นายยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า หากสุดท้ายมีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือมอบอำนาจจริง แต่โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำที่เป็นโครงการจีทูจียังเข้าข่ายการดำเนินการตามมาตรา 178 ที่ระบุว่า หนังสือสัญญาที่อาจมีผลกระทบกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการค้าการลงทุนอย่างกว้างขวาง ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา และตนเห็นว่าโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ ดังนั้นต้องส่งให้รัฐสภาพิจารณาภายใน 60 วันหลังจากที่ได้มีการลงนามในสัญญาจีทูจีดังกล่าว แต่เมื่อตรวจสอบย้อนหลังไปทั้ง 2 สภา คือ ทั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสภาปัจจุบัน ก็พบว่า ไม่เคยมีสัญญาจีทูจีในการจัดซื้อเรือดำน้ำเสนอมาให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบแต่อย่างใด และสุดท้ายหาก กมธ.งบประมาณฯให้ความเห็นชอบเรื่องนี้ ตนจะเสนอให้พรรคเพื่อไทยยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความทางกฎหมายต่อไป
นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อด้วยว่าในส่วนมาตรา 75 ที่ระบุว่ารัฐพึงจัดระบบเศรษฐกิจให้ประชาชนพึ่งพาตนเองได้ และให้คำนึงถึงความสมดุลระหว่างการพัฒนาทางด้านวัตถุ ด้านจิตใจ และความอยู่เย็นเป็นสุขของประชาชน ตนขอถามว่า ต่อให้ซื้อเรือดำน้ำวันนี้และได้ของวันพรุ่งนี้ ประชาชนจะอยู่เย็นเป็นสุขขึ้นหรือไม่ วันนี้ประชาชนกำลังเดือดร้อน กำลังลำบาก แต่กลับเอาเงินไปซื้อเรือดำน้ำแทน
“เรื่องนี้มีข้อสงสัยว่าได้จัดซื้อแบบจีทูจีจริงหรือไม่ เพราะที่กองทัพเรือออกมาชี้แจงก็ไม่มีการแสดงเรื่องนี้ ขณะเดียวกัน พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี บอกว่ามีเอกสารชี้แจงครบทุกเรื่อง ก็ขอเรียกร้องให้ท่านเอาเอกสารมาโชว์ด้วยว่า มีการมอบอำนาจจริงหรือไม่ นอกจากนั้นผมยังเห็นว่า หากมีหนังสือสัญญาจริง ก็ยังมีประเด็นที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญในหลายมาตรา เช่น มาตรา 75 หรือ มาตรา 178 ดังนั้นหากยังมีความพยายามดึงดันให้ผ่านโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำในชั้น กมธ.งบประมาณ ผมจะเสนอให้พรรคเพื่อไทยยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความทางกฎหมายต่อไป” นายยุทธพงศ์ กล่าว
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage