สปสช.ขยายผลสอบพบอีก 63 คลินิกใช้ข้อมูลไม่ถูกต้องเบิกเงินบัตรทอง ย้ำดูเจตนาเป็นหลัก-ยังอุทธรณ์เพื่อแจงข้อเท็จจริงได้ ส่วน 18 คลินิกถูกดำเนินคดีฐานฉ้อโกง - ใช้ข้อมูลเท็จเบิกเงิน 74 ล้านเศษ เผยพิรุธหลังตรวจข้อมูลคนไข้ย้อนหลัง ทั้งส่วนสูงลดลง-น้ำหนักเพิ่มขึ้นจนผิดปกติ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ค. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แถลงความคืบหน้ากรณีบอร์ด สปสช.มีมติตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง 18 คลินิกชุมชนอบอุ่น ส่อพิรุธในการเบิกงบคัดกรองโรค 74 ล้านบาทเศษจากกองทุนบัตรทอง ล่าสุดได้มีการเรียกเงินคืนจาก 18 คลินิก และได้แจ้งความต่อกองบังคับการปราบปราม ในคดีฉ้อโกงและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จในระบบคอมพิวเตอร์
นอกจากนี้ บอร์ด สปสช.ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง 8 คน โดยมี นายจิรวุสฐ์ สุขได้พึ่ง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธาน ให้ดำเนินการแล้วเสร็จ 30 วัน ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
(ข่าวประกอบ : ขยายผลสอบอีก 63 แห่ง! บอร์ด สปสช. ตั้ง คกก.สอบ 18 คลินิก ให้เลิกสัญญา-แจ้งความอาญาด้วย)
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช. ยืนยันว่า การตรวจสอบกรณีดังกล่าว สปสช.ไม่เคยประวิงเวลา และได้ตรวจสอบต่อเนื่องมาตั้งแต่ ส.ค.2562 มีกระบวนการต่อเนื่องมาเป็นระยะ กระทั่งมีการเรียกเงินคืน และดำเนินคดีอาญา ถือว่าเป็นเรื่องที่อยู่ในกระบวนการของกฎหมายแล้ว ขณะเดียวกันในการแก้ไขปัญหาในอนาคต สปสช.ได้ปรับระบบให้ใช้บัตรประชาชนยืนยันตัวตนผ่าน Smart card reader ซึ่งจะทำให้การตรวจสอบดำเนินการได้โดยเร็วมากขึ้น
ด้าน นพ.การุณย์ คุณติรานนท์ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการขยายผลตรวจสอบคลินิกชุมชนเพิ่มเติมว่า นอกจากการตรวจสอบคลินิก 45 แห่งที่ทำให้พบข้อพิรุธใน 18 คลินิกแล้ว สปสช.เขต 13 ที่ดูแลพื้นที่ กทม. ได้ขยายผลตรวจสอบเพิ่มเติมแล้ว 86 แห่ง และพบข้อมูลไม่ถูกต้องอีก 63 แห่ง เป็นวงเงิน 2.4 ล้านบาทเศษ นอกจากนั้นจะขยายผลการตรวจสอบไปถึงการจ่ายชดเชยในรูปแบบรายการนี้ทั้งหมด และจะตรวจย้อนหลังอย่างน้อย 3 ปี ครอบคลุมทุกคลินิกอย่างเท่าเทียม โดยยืนยันว่าจะไม่มีการเลือกปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นคลินิกของรัฐหรือเอกชนก็จะดำเนินตรวจสอบทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ทั้งกรณี 18 คลินิก หรือกรณี 63 คลินิก เป็นการตรวจสอบเฉพาะปีงบประมาณ 2562 คือตั้งแต่ 1 ต.ค.2561 – 30 ก.ย.2562
นพ.การุณย์ กล่าวด้วยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สปสช.ได้ดำเนินการตรวจสอบเป็นปกติอยู่แล้ว และที่ผ่านมาไปตรวจสอบที่ไหนก็พบความผิดพลาดทุกที่ แต่เป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้เจตนา เช่น การเบิกเงินชดเชย 100 บาท แต่เขากลับเบิกเงิน 90 บาท หรือแม้กระทั่งเบิกได้ 100 บาท แต่กลับเบิกมา 101-102 บาท ตัวอย่างลักษณะนี้ถือว่าเป็นความผิดพลาดลักษณะที่ไม่ได้มีเจตนา ดูจากเอกสารก็จะทราบว่าลักษณะนี้เป็นแค่ความเลินเล่อเท่านั้น ทั้งนี้กรณี 63 คลินิกที่ตรวจพบเพิ่มเติมยังอยู่ในชั้นที่เรียกว่า พบข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และเขายังสามารถอุทธรณ์เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงได้
“โดยส่วนใหญ่เราพบว่าเป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้เจตนา แต่กรณี 18 คลินิกนี้ชัดเจนว่ามีความเจตนา เราไปตรวจแล้วไม่มีเอกสารหลักฐาน หรือข้อมูลย้อนหลังบางอย่างไม่น่าเชื่อถือ เช่น ส่วนสูงผู้ป่วยลดลง หรือน้ำหนักเพิ่มขึ้นมากๆ แบบนี้เป็นไปไม่ได้ ก็ค่อนข้างชัดว่าส่อทุจริต ส่วนจะทุจริตหรือไม่ ต้องรอให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน” นพ.การุณย์ กล่าว
นพ.การุณย์ กล่าวด้วยว่า สปสช.ให้ความสำคัญในการตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินเป็นอย่างมาก เพราะเงินจากองทุนมาจากภาษีประชาชน เราตระหนักดีว่า เรื่องนี้มีความสำคัญและต้องดูแลการใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งมีการตรวจสอบโดยใช้โปรแกรมในระบบอิเล็กทรอนิกส์ จากนั้นก็จะให้บุคคลลงไปดูการเบิกจ่ายที่ดูไม่สมเหตุสมผล ทำให้เรามั่นใจว่าการตรวจสอบค่อนข้างถูกต้องแล้ว
“เรียนตามตรงว่า ระบบอิเล็กทรอนิกส์ไม่สามารถตรวจสอบคนที่มีเจตนาทุจริตได้ เพราะมีเจตนานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จมาตั้งแต่ต้น เพื่อหวังผลในการจ่ายเงินชดเชย เป็นเรื่องที่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ตรวจสอบไม่ได้ จึงจำเป็นต้องมีการ audit (กระบวนการตรวจสอบเวชระเบียน) และเรียกเอกสารหลักฐานมาตรวจสอบซ้ำอีกครั้งหนึ่ง” นพ.การุณย์ กล่าว
ขณะที่ นพ.วีระพันธ์ ลีธนะกุล ผอ.สำนักงาน สปสช. เขต 13 กทม. กล่าวว่า ในการตรวจสอบข้อมูลการเบิกจ่ายทั้งหมด จะเริ่มต้นจากกลุ่มที่เบิกเงินจำนวนมากก่อน ซึ่งกรณีคลินิก 18 แห่งเป็นการตรวจจากคลินิก 45 แห่งที่เบิกเงินเป็นจำนวนมาก จากนั้นก็จะไล่ตรวจคลินิกในลำดับต่อมา ส่วนการตรวจสอบจะใช้วิธีสุ่มตรวจเพื่อดูว่ามีข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งต้องยอมรับว่า ส่วนใหญ่ข้อมูลค่อนข้างผิดกันมาก ซึ่งกรณีคลินิก 63 แห่งยังไม่ได้พิสูจน์ถึงขั้นตอนสุดท้ายว่าเป็นอย่างไร และจะมีการนำเข้าบอร์ด สปสช.กทม. เพื่อพิจารณาต่อไป
นพ.วีระพันธ์ ยอมรับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับ 18 คลินิก เป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมามีการตรวจสอบเป็นกิจวัตรประจำวัน อย่างไรก็ตามเมื่อเจอปัญหา จึงได้มีการทบทวนระบบ และจะมีการพัฒนาระบบตรวจสอบต่อไปในอนาคต
“เราไม่คิดว่าจะเจอแบบนี้ก็เรียนให้ทราบจริงๆ และต้องหาทางป้องกัน อีกส่วนหนึ่งก็ต้องแจ้งให้หน่วยบริการในระบบรับทราบว่า ต้องทำงานอย่างระมัดระวัง ต้องดูแลเรื่องของคนที่ส่งข้อมูลมาด้วย ในระบบเรามีคนที่เกี่ยวข้องมากพอสมควร บางครั้งอาจจะดูแลไม่ทั่วถึง แต่สำนักงานเรา ยึดมั่นในหลักการทำงาน และจะต้องมีการกรองข้อมูลก่อน และเมื่อกรองแล้วต้องลงไปดูซ้ำอีกครั้งหนึ่ง เรายอมรับว่า เมื่อระบบมีปัญหา ก็ต้องพยายามหาทางแก้ไขอะไรบางอย่าง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อไปในอนาคต และต้องไม่เป็นภาระของหน่วยบริการหรือประชาชนต้องไม่เกิดความยุ่งยากในการเข้าถึงบริการต่างๆด้วย” นพ.วีระพันธ์ กล่าว
ทั้งนี้ ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ และโฆษก สปสช. กล่าวย้ำว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ถูกดำเนินการแก้ไขแล้ว และ สปสช.พยายามจะทำให้ระบบมีความสมบูรณ์ที่สุด อย่างไรก็ตามในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามีประชาชนที่อยู่ในความดูแลของเราจำนวน 48 ล้านคน แต่ละปีมีการรักษาเป็นผู้ป่วยในประมาณ 7 ล้านแอดมินชั่น มีการรักษาเป็นผู้ป่วยนอก 180 ล้านครั้ง ดังนั้นตัวเลขข้อมูลมีจำนวนมหาศาลมาก ขณะเดียวกันการจ่ายเงินให้กับหน่วยบริการด้วยความรวดเร็วและตรงเวลาก็ถือว่ามีความสำคัญเช่นกัน สปสช.จึงได้พัฒนาระบบการจ่ายเงินควบคู่กับระบบตรวจสอบที่ต้องทำคู่ขนานกันไป เมื่อพบความผิดปกติก็จะดำเนินการแก้ไขปัญหาทันที อย่างไรก็ตามข้อมูลบางอย่างที่นำเข้าระบบ เราไม่มีทางตรวจสอบได้ และก็อาจจะมาเจอในภายหลังเช่นเดียวกับกรณีนี้ ซึ่งยืนยันว่าเราจะดำเนินการให้ถึงที่สุด เพื่อทำให้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเป็นระบบมีความมั่นคงและให้ประชาชนมั่นใจในการรับบริการต่อไป
ขยายผลสอบอีก 63 แห่ง! บอร์ด สปสช. ตั้ง คกก.สอบ 18 คลินิก ให้เลิกสัญญา-แจ้งความอาญาด้วย
คุ้ยธุรกิจเจ้าของคลินิกกลุ่มสอง กรณีเบิกเงิน สปสช.74 ล.พบตั้ง บ.อีก 4 แห่ง ทำสถานพยาบาล
พบตั้ง บ.สถานพยาบาลอีกนับสิบ! โพรไฟล์ธุรกิจเจ้าของคลินิกกลุ่มแรก กรณีเบิกเงิน สปสช. 74 ล.
'เพื่อไทย' อธิปรายขบวนการงาบงบ สปสช.ปี 61 เผยมี 18 คลินิกเบิก 74 ล้าน ทั้งที่ไม่มีการรักษา
เปิดตัว 14 บ.เจ้าของ 18 คลินิก สธ.สอบเบิกเงิน 74 ล. - ตัวแทนแจงหักคืนแล้ว ไม่มีทุจริต
โฆษก สปสช.แจงสอบ 18 คลินิก เบิกค่าคัดกรองความเสี่ยงโรค 3.7 แสนคน 74 ล.ชงแจ้งความคดีอาญา
สปสช. ตามคุ้ยข้อมูลย้อนหลัง 3 ปี 18 คลินิกเบิกเงิน 74 ล. - ขยายผลสอบ บ.ในเครือด้วย
ตามไปดู บ.คลินิก 2 กลุ่มเอกชนเบิกเงิน สปสช. 74 ล.! ใช้คฤหาสน์จดทะเบียนตั้ง-เจ้าของยันสุจริต
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage