โฆษก สปสช.แจงไทม์ไลน์ตรวจสอบ 18 คลินิก พบข้อมูลไม่น่าเชื่อถือ เบิกค่าคัดกรองความเสี่ยงโรค รวม 3.7 แสนคน เป็นเงิน 74.39 ล้านบาท ล่าสุดเรียกคืนเงิน-ชง เลขาฯ มอบอำนาจ แจ้งความคดีอาญา
จากกรณีที่ นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.เพื่อไทย อภิปรายระหว่างพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ระบุว่า เมื่อปี 2561 มีการตรวจสอบพบคลินิก 18 แห่ง ใน กทม. เบิกจ่ายเงินจาก สปสช. ในส่วนประเภทบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เพื่อให้ลงพื้นที่ชุมชนตรวจหาโรคเรื้อรัง กลุ่มเมตาบอลิก โดยรัฐสนับสนุนเงินประมาณ 400 บาทต่อหัว กระทั่งต่อมาพบว่าทั้ง 18 คลินิกไม่ได้ให้บริการจริง จนนำไปสู่การเรียกคืนเงิน 74 ล้านบาทเศษ
(อ่านประกอบ : 'เพื่อไทย' อธิปรายขบวนการงาบงบ สปสช.ปี 61 เผยมี 18 คลินิกเบิก 74 ล้าน ทั้งที่ไม่มีการรักษา)
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ โฆษก สปสช. แถลงชี้แจงข้อเท็จจริง ว่า สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 13 กรุงเทพมหานคร ได้จัดให้มีกิจกรรมการรายการตรวจคัดกรองความเสี่ยงในกลุ่มภาวะเมตาบอลิก (Metabolic Disease) ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง และโรคอ้วน ในกลุ่มเป้าหมาย อายุ 15 ปีขึ้นไป โดยมีอัตราชดเชยการตรวจคัดกรองความเสี่ยง เบื้องตัน 100 บาท/ครั้งคน/ปี และการตรวจคัดกรองไขมัน (Total Cholesterol, HDL, LDL, Trigyceride) 300 บาทต่อครั้ง/คน/ปี สำหรับผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป ที่มีประวัติเสี่ยง, บิดมารดาเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ, BMI > 25
เดือนสิงหาคม 2562 ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลการจ่ายชดเชยค่าบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ของปีงบประมาณ 2562 โดยคัดเลือกหน่วยบริการที่มีการเบิกชุดเชยค่าบริการในรายการตรวจคัดกรองความเสี่ยงในกลุ่มภาวะเมตาบอลิก สูงสุด จำนวน 45 แห่ง พบว่า มี 18 แห่งที่ข้อมูลไม่น่าเชื่อถือ เนื่องจากไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าผู้รับบริการได้รับบริการจริง, ไม่สามารถติดต่อผู้รับบริการได้จากเบอร์โทรศัพท์ที่บันทึกไว้ในเอกสารการคัดกรอง หรือไม่บันทึกหมายเลขไว้, มีการแก้ไขข้อมูลน้ำหนัก/ส่วนสูง เพื่อให้เข้าเกณฑ์การตรวจคัดกรองเพิ่มเติม, มีการให้บริการเชิงรุกแก่ประชาชนสิทธิต่างจังหวัด ในพื้นที่นอกข้อตกลงกับสำนักงานๆ เป็นต้น
เดือนกันยายน 2562 อนุกรรมการหลักประกันสุขภาพ กทม. (อปสข.กทม.) มีมติให้ขยายผลการตรวจสอบข้อมูลในรายการการให้บริการตรวจคัดกรองความเสี่ยงในกลุ่มภาวะโรคเมตาบอลิก ร้อยละ 100 ของหน่วยบริการจำนวน 18 แห่ง
เดือนตุลาคม 2562 สำนักงานได้ดำเนินการขยายผลการตรวจ หน่วยบริการ 18 แห่งดังกล่าว พบว่า ข้อมูลไม่น่าเชื่อถือ ประกอบด้วย ข้อมูลการคัดกรองความเสี่ยงโดยการสัมภาษณ์ จำนวน 192,058 ราย การตรวจคัดกรองไขมัน (เจาะ lab) จำนวน 184,196 ราย จำนวนเงินชดเชย รวมทั้งสิ้น 74,397,720 บาท
เดือนพฤศจิกายน 2562 อปสข. มีมติให้เรียกเงินคืนจากหน่วยบริการ และมอบให้สำนักงานๆ ดำเนินการขั้นตอนต่อไป
เดือนเมษายน 2563 สำนักงานฯได้นำเรื่องเสนอคณะอนุกรรมการพิจารณาหักค่าใช้จ่าย พิจารณา ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ มีมติดังนี้
1.ชะลอจ่ายค่าบริการทางการแพทย์จากเงินพึงได้ทั้งหมดของหน่วยบริการทั้ง 18 แห่ง ในปีงบประมาณ 2563 และรอจนกว่าผลการตรวจสอบเสร็จสิ้น
2.เรียกคืนเงินตามจำนวนที่ตรวจสอบพบว่าการเบิกจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ที่ไม่ถูกต้อง
3.ให้หักค่าใช้จ่ายของหน่วยบริการได้
4.ประสานงานสำนักกฎหมายดำเนินการเรื่องจรรยาบรรณวิชาชีพเสนอให้ส่งเรื่องไปยังสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะต่อไป
5.ให้ทำหนังสือถึงสำนักงาน เรียนเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อให้สำนักงาน มอบอำนาจให้ สปสช.เขต 13 กรุงเทพมหานคร ดำเนินการแจ้งความตามคดีอาญา
6.ให้ยกเลิกสัญญาหน่วยบริการประจำทั้ง 18 แห่ง ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
โดย สปสช.กทม ได้ดำเนินการข้อ 1 -3 ไปแล้ว หน่วยบริการยินยอมให้หักค่าใช้จ่ายจากเงินพึงได้ทั้งหมด โดยในส่วนนี้มี 2 แห่งหักครบแล้ว ส่วนที่เลหือจะหักครบภายในปีงบประมาณ 2563 ส่วนการดำเนินการ ข้อ 4-5 ได้ประสานสำนักกฎหมายและทำหนังสือถึงเลขาธิการแล้วเช่นกัน
โฆษก สปสช. กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ ขอเรียนว่า สปสช.เขต 13 กทม.ตรวจพบความผิดปกติของการเบิกเงินชดเชยจากกระบวนการตรวจสอบเวชระเบียน (Audit) ซึ่งเป็นขั้นตอนการทวนสอบข้อมูลตามมาตรฐานสากล เมื่อพบข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ ก็ได้ดำเนินการนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของอนุกรรมการชุดต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อความรอบคอบ จึงต้องใช้เวลาในการรวบรวมหลักฐานการให้บริการในพื้นที่ต่างๆตามที่หน่วยบริการส่งข้อมูลเบิกเงินชดเชยให้ครบถ้วน ก่อนที่จะแจ้งความดำเนินคดี
(ภาพจาก : แนวหน้า)
ข่าวประกอบ :
เปิดตัว 14 บ.เจ้าของ 18 คลินิก สธ.สอบเบิกเงิน 74 ล. - ตัวแทนแจงหักคืนแล้ว ไม่มีทุจริต
'เพื่อไทย' อธิปรายขบวนการงาบงบ สปสช.ปี 61 เผยมี 18 คลินิกเบิก 74 ล้าน ทั้งที่ไม่มีการรักษา
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage