ปลัด ทส. เผยกรมป่าไม้สำรวจข้อมูลพบหน่วยงานรัฐใช้พื้นที่ป่าโดยไม่ขออนุญาตกว่า 3 หมื่นแห่งใน 74 จังหวัด ทั้งตั้งอาคาร ทำถนน สร้างโรงเรียน ฯลฯ ครม.เห็นชอบมาตรการแก้ปัญหาบุกรุกให้เวลา 180 วันทำเรื่องขอให้ถูกต้อง-ล่าช้าตัดงบทิ้ง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมาที่่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบในหลักการ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เสนอมาตรการแก้ไขปัญหากรณีที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต และให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2523 สำหรับส่วนราชการที่ปฏิบัติตามมาตรการนี้
ทั้งนี้ ทส.รายงานว่า เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2562 ได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสำรวจว่ามีส่วนราชการใดบ้าง ที่เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต โดยกรมป่าไม้รวบรวมและตรวจสอบข้อมูลพบว่า มีส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าก่อนได้รับอนุญาตในพื้นที่ 74 จังหวัด รวม 31,179 แห่ง อาทิ
โครงการเกี่ยวกับการสร้างหรือปรับปรุงถนน 9,560 แห่ง , โครงการเพื่อกิจการชลประทาน 2,232 แห่ง โครงการระบบประปา 1,004 แห่ง สถานศึกษา (ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียน มหาวิทยาลัย ฯลฯ) 10,401 แห่ง , ก่อสร้างวัด 387 แห่ง เป็นต้น
สำหรับเพื่อแก้ไขปัญหากรณีส่วนราชการหรือหน่วยงานรัฐเข้าทำประโยชน์พื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต ตามที่ ทส.เสนอ มีดังต่อไปนี้
1.ผ่อนผันให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานรัฐใช้พื้นที่ต่อไป โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ซึ่งจะต้องยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ภายใน 180 วัน นับตั้งแต่ ครม.เห็นชอบ
2.ให้จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ในโครงการประเภทต่างๆ ตามแนวทางปฏิบัติที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติกำหนดไว้
3.หลังจากนี้หากปรากฏว่ายังมีส่วนราชการหรือองค์การของรัฐใดเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาตก่อนได้รับอนุญาตอีก ซึ่งเป็นการปฏิบัติไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้กรมป่าไม้พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัด
4.ไม่ให้ทุกส่วนราชการจัดสรรงบประมาณให้แก่โครงการที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่ป่าไม้
5.กรณีฉุกเฉินและจำเป็นในการปรับปรุงซ่อมแซมเพื่อแก้ไขความเดือดร้อนของราษฎร ให้สดำเนินการไปพลางก่อนได้และแจ้งให้กรมป่าไม้รับทราบในภายหลัง เช่น การซ่อมแซมถนนที่ถูกน้ำไหลป่าทำให้ทางขาด จนประชาชนได้รับความเดือดร้อน เป็นต้น
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส. กล่าวว่า การสำรวจดังกล่าวสืบเนื่องมามติ ครม.เมื่อ 7 ธ.ค.2559 ที่ได้มีการผ่อนผันให้จังหวัดอุตรดิตถ์ใช้พื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำปาด เพื่อก่อสร้างตลาดการค้าชายแดน ณ ช่องภูดู่ เนื่องจากมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ โดย ครม.ได้มอบหมายให้กระทรวง ทส. โดยกรมป่าไม้ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สำรวจการดำเนินการในลักษณะเดียวกันทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการสำรวจเฉพาะการใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ไม่เกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติหรือพื้นที่อื่น ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่พบว่า ส่วนราชการไม่รู้เขตพื้นที่ และได้มีการก่อสร้างอาคารหรือสถานที่ไปแล้ว จึงจำเป็นต้องเสนอให้ ครม.มีมติผ่อนผันการใช้พื้นที่ทั้งหมด
นายจตุพร กล่าวอีกว่า จากนี้ ทส.จะทำหนังสือถึงปลัดทุกกระทรวง เพื่อให้ดำเนินการด้านเอกสารและทำหนังสือขออนุญาตใช้พื้นที่ภายใน 180 วัน หากยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จอาจจะขอขยายเวลาดำเนินการต่อไปในภายหลัง ซึ่งระหว่างนี้ ทส.จะส่งเจ้าหน้าที่ไปประสานงานในแต่ละหน่วยงานด้วย
“เนื่องจากมีพื้นที่บุกรุกเยอะมาก จึงจำเป็นต้องส่งเจ้าหน้าที่ลงไปช่วยประสานงาน โดยเฉพาะกระทรวงที่บุกรุกมากๆ เช่น มหาดไทย โดยเฉพาะในส่วนของท้องถิ่นต่างๆ ซึ่งเราจะไปช่วยกลั่นกรองและอำนวยความสะดวกให้ตั้งแต่ต้น เพื่อให้ดำเนินการให้ทันตามกรอบเวลา” นายจตุพร กล่าว
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage