ติดโควิด-19 เพิ่ม 2 ราย กลับจากคูเวต-รัสเซีย ทั้งสองรายไม่เเสดงอาการ 'พญ.พรรณประภา' ย้ำคนไทยเช็คอิน-เช็คเอ้าท์ 'ไทยชนะ' ช่วยประเมินความหนาเเน่น คัดกรองทันท่วงที หากพบผู้ป่วย
วันที่ 6 มิ.ย.2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข เเพทย์หญิงพรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทย ว่ามีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 2 ราย โดยรายเเรก ชายไทย อายุ 22 ปี อาชีพนักศึกษา เดินทางกลับจากประเทศรัสเซีย ถึงประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. จากนั้นเข้าพักในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ จ.ชลบุรี เเละพบเชื้อยืนยันวันที่ 4 มิ.ย. ขณะนี้รับการรักษาที่โรงพยาบาลเเห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี
รายที่สอง ชายไทย อายุ 39 ปี อาชีพพนักงานในโรงงานเเห่งหนึ่ง ประเทศคูเวต เดินทางมาถึงประเทศไทยวันที่ 24 พ.ค. เเละเข้าพักในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ กทม. ตรวจครั้งเเรกไม่พบเชื้อ ต่อมาตรวจครั้งที่สอง พบเชื้อยืนยันวันที่ 4 มิ.ย. จึงส่งตัวไปรักษา อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรายไม่มีการเเสดงอาการ
สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ในขณะนี้ที่สถานเฝ้าระวังที่รัฐจัดให้นั้น ผู้ช่วยโฆษก ศบค. ระบุตั้งเเต่ ก.พ.-มิ.ย. มีผู้ป่วยได้รับการตรวจพบเชื้อ 167 ราย โดยอัตราการป่วยจากประเทศต้นทางมากที่สุด คือ คูเวต รองลงมา ซาอุดิอาระเบีย เเละอินโดนีเซีย ทั้งนี้ สองสัปดาห์ล่าสุด พบว่า อาชีพนักศึกษา รับจ้างทั่วไป เเละพนักงานนวด ยังเป็นอาชีพกลุ่มเสี่ยงในการติดเชื้อมากที่สุด
"ขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,104 ราย รวมรักษาหาย 2,971 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต เท่ากับมีผู้เสียชีวิตเท่าเดิม 58 คน"
เเพทย์หญิงพรรณประภา ยังกล่าวย้ำให้คนไทยเช็คอินเเละเช็คเอ้าท์ผ่านเเพลตฟอร์มไทยชนะ ว่าการเช็คอินจะช่วยในการประเมินความหนาเเน่นของประชากรในพื้นที่ให้บริการเเละบอกระยะเวลาในการเข้าไป ซึ่งหากพบผู้ติดเชื้อในพื้นที่นั้น กรมควบคุมโรคจะสามารถติดตามผู้มีโอกาสสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายนั้นมาตรวจคัดกรองโรคเเละรักษาได้ทันท่วงที ซึ่งข้อมูลจะถูกเก็บไว้ 60 วัน เเละต้องเช็คเอ้าท์ด้วย เพื่อให้ผู้ประกอบการเปิดรับผู้ใช้บริการได้มากขึ้น เรียกว่า อัตราผู้ใช้งานเเท้จริง เเละยังช่วยกำหนดระยะเวลา เช่น การเดินทางไปในสถานที่นั้น อย่างเข้าไปในร้านอาหาร 1 ชั่วโมง หากไม่เช็คเอ้าท์ จะไม่ทราบว่า อยู่ในร้านอาหารเเห่งนั้นนานเท่าไหร่
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/