กกต.ฟันอาญาอ้างเป็นหัวคะแนน ‘แรมโบ้อีสาน’ วางแผนนำเงินใส่ซองแจกผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อใส่ร้ายผู้สมัครรายอื่นซื้อเสียง ศาลแขวงโคราชพิพากษาปมใช้หลักฐานเท็จไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2563 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัยของ กกต. ที่ 41/2563 เรื่อง การเลือกตั้ง ส.ส.เขต 10 จ.นครราชสีมา โดยก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง กกต. ได้รับคำร้องว่า นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ (แรมโบ้อีสาน) ผู้สมัคร ส.ส.เขต 10 จ.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ (ปัจจุบันเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี) ผู้ถูกร้องที่ 1 นายประยุทธ บัวประดิษฐ์ ตัวแทนหรือหัวคะแนนของนายสุภรณ์ ผู้ถูกร้องที่ 2 และนายดี สิมตะมะ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเขต 10 จ.นครราชสีมา ผู้ถูกร้องที่ 3 ถูกกล่าวหาว่ากระทำการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (5) และมาตรา 143 กรณีนายสุภรณ์ สนับสนุนให้ นายประยุทธ และนายดี ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ จูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของพรรคการเมือง รวมถึงกระทำการอันเป็นเท็จเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าผู้สมัคร ส.ส.รายใด กระทำผิด พ.ร.บ.เลือกตั้งฯ เพื่อจะกลั่นแกล้งให้ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งนั้น
กกต. พิจารณารายงานการไต่สวนตลอดจนพยานหลักฐานอื่น ๆ ประกอบกันแล้ว สรุปได้ว่า ผู้ร้องกล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2562 นายสุภรณ์ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้นายประยุทธ นำเงินใส่ซองจำนวน 3 ซอง ซองละ 1,000 บาท ให้แก่นายดี เพื่อนำไปเป็นหลักฐานในการแจ้งความในการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ว่าเงินดังกล่าวนายดี ได้รับจากตัวแทนหรือหัวคะแนนของผู้ร้อง
จากการไต่สวนเมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2562 นายดี ให้ถ้อยคำว่า เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2562 เวลา 14.00 น. ได้รับเงินจากตัวแทนหรือหัวคะแนนของผู้ร้องจำนวน 3,000 บาท หลังจากนั้นเวลาประมาณ 17.00 น. เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.เสิงสาง เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ร้อง ต่อมาเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2562 และ 6 ธ.ค. 2562 นายดีให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน กกต. ว่า เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2562 นายประยุทธ มอบเงินให้ตนจำนวน 3,000 บาท เพื่อนำไปเป็นหลักฐานในการแจ้งความร้องทุกข์ สภ.เสิงสาง ว่าเป็นเงินที่ได้จากหัวคะแนนของผู้ร้อง ซึ่งเป็นการวางแผนของนายประยุทธ เพื่อกลั่นแกล้งผู้ร้องให้ได้รับโทษทางกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ผู้ร้องไม่เคยใช้ตัวแทนหรือหัวคะแนนนำเงินมามอบให้นายดีแต่อย่างใด
ประกอบกับในคดีอาญาที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายประยุทธ เป็นจำเลยต่อศาลแขวงนครราชสีมา ในข้อหากระทำความผิดฐานทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จเพื่อให้พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนในคดีอาญา เชื่อว่าได้มีความผิดทางอาญาอย่างใดเกิดขึ้นหรือเชื่อว่าความผิดอาญาที่เกิดขึ้นร้ายแรงกว่าที่เป็นจริง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 179 ซึ่งนายประยุทธให้การรับสารภาพข้อเท็จจริงตามคำฟ้อง ศาลแขวงนครราชสีมาพิพากษาว่านายประยุทธมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 179
จากข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ดังกล่าวจึงฟังได้ว่า นายประยุทธ และนายดี ใส่ร้ายด้วยความเท็จ และกระทำการอันเป็นเท็จเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าผู้สมัครผู้ใดทำการฝ่าฝืน พ.ร.บ.เลือกตั้งฯ ส่วนกรณีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ มีพยานของผู้ร้องและพยานซึ่งเป็นผู้นำชุมชนใน ต.เสิงสาง ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า นายประยุทธ ได้ช่วยเหลือนายสุภรณ์ ในการหาเสียงเลือกตั้ง และหลังเลือกตั้งยังทำงานร่วมกันมาตลอด แต่ไม่มีพยานคนใดยืนยันได้ว่านายสุภรณ์ ให้การสนับสนุนนายประยุทธ และนายดี พยานหลักฐานจึงรับฟังไม่ได้ว่านายสุภรณ์ กระทำการฝ่าฝืน พ.ร.บ.เลือกตั้งฯ จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
แต่ดำเนินคดีอาญาแก่นายประยุทธ และนายดี ตาม พ.ร.บ.เลือกตั้งฯ มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 143 และมาตรา 159
อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนว่า นายประยุทธ มิได้เป็นหัวคะแนนของตนแต่อย่างใด (อ้างอิงข้อมูลจาก : https://mgronline.com/politics/detail/9620000028580)
อ่านรายละเอียด : https://www.ect.go.th/ect_th/download/article/article_20200421162042.pdf
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/