เปิดสัญญาทางด่วน ‘บีอีเอ็ม’ เรียกร้องให้ 'กทพ.' ชดเชยความเสียหายให้เอกชนคู่สัญญาใน 3 แนวทาง ‘ขึ้นค่าทางด่วน-ขยายอายุสัญญา-ชดเชยด้วยวิธีอื่นตามที่ตกลงกัน’ หลังรัฐบาลประกาศ ‘เคอร์ฟิว-ปิดสถานที่เสี่ยง’ อ้างทำให้ปริมาณจราจรบนทางด่วนลดลงอย่างมีนัยยสำคัญ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา นางพเยาว์ มริตตนะพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ บีอีเอ็ม ทำหนังสือถึงนายดำเกิง ปานขำ รองผู้ว่าการฝ่ายปฏิบัติการ รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เรื่องการแจ้งผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติคเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พร้อมทั้งขอให้ กทพ.พิจารณาแนวทางการชดเชยผลกระทบของบริษัทฯต่อไป
สำหรับหนังสือดังกล่าว ระบุว่า เนื่องจากปัจจุบันได้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โดวิด-19) อย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ส่งผลให้รัฐบาลออกข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โดยมีคำสั่งห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 น. ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจำเป็น ซึ่งมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.2563 ที่ผ่านมา
และมีคำสั่งปิดสถานที่บางประเภทเป็นการชั่วคราวและคำสั่งห้ามทำกิจกรรมในสถานที่แออัด ซึ่งมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.2563 ที่ผ่านมา
บริษัทฯ ตระหนักถึงความจำเป็นของภาครัฐ และความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน เพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ติลงโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติคเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่เกิดขึ้นประกอบกับมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล ทำให้ปริมาณจราจรบนทางพิเศษเฉลิมมหานครและทางพิเศษศรีรัช ลดลงต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น บริษัทฯจึงขอเรียนให้ กทพ.ทราบถึงผลกระทบจากเหตุสุดวิสัยและเหตุการณ์ที่เป็นข้อยกเว้นที่เกิดขึ้น
“เพื่อให้เป็นไปตามสัญญา ข้อ 18.1 และ 18.2 บริษัทฯจะเรียนให้ กทพ. ทราบถึงรายละเอียดผลกระทบเมื่อสถานการณ์คลี่คลายกลับสู่ภาวะปกติ และด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น บริษัทฯ จึงเรียนขอความอนุเคราะห์ กทพ. เพื่อพิจารณาแนวทางการชดเชยผลกระทบของบริษัทฯต่อไป ด้วยจักเป็นพระคุณยิ่ง” หนังสือระบุ
ทั้งนี้ สำนักข่าวอิศรา ติดต่อสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเอกสารของบีอีเอ็มที่ส่งไปยัง กทพ. โดยขอให้กทพ.พิจารณาแนวทางชดเชยผลกระทบจากมาตรการเคอร์ฟิวและปิดสถานที่เสี่ยงของรัฐบาล แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ เนื่องจากนางพเยาว์ติดประชุม โดยนางภรณี กนิษฐานนท์ สำนักกรรมการผู้จัดการ บีอีเอ็ม รับเรื่องไว้ และบอกว่าจะติดต่อกลับ เพราะต้องสอบถามเรื่องนี้กับฝ่ายสารบรรณกฎหมายก่อน
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวอิศรา ได้ตรวจสอบรายละเอียดสัญญาโครงการทางด่วนขั้นที่ 2 (ฉบับแก้ไข) ระหว่างกทพ.และบีอีเอ็ม และสัญญาโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด (ฉบับแก้ไข) ระหว่าง กทพ. และบริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบีอีเอ็ม พบว่าสัญญาในข้อ 18.1 และ 18.2 ภายใต้สัญญาทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว สรุปเนื้อความได้ว่า
ในกรณีที่มีเหตุ ซึ่งมีผลกระทบในทางเสียหายอย่างรุนแรงต่อผลประโยชน์ของคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือทั้งสองฝ่าย และอยู่ภายใต้ ‘เหตุการณ์ที่เป็นข้อยกเว้น’ คือ ในข้อ 18.1 (ค) คือ มีการกระทำการหรืองดเว้นการกระทำการ การเปลี่ยนแปลงพิกัดอัตราภาษีศุลกากร อากร ภาษี กฎหมายหรือระเบียบ ของ กทพ. รัฐบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจงใจให้มีผลกระทบโดยตรงต่อสัญญานี้ หรือกระทบต่อรายได้ผ่านทางที่เอกชนจะได้ตามสัญญา
คู่สัญญาสัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ประสบเหตุ จะต้องดำเนินการตามสัญญาข้อ 18.2 คือ ให้คู่สัญญาฝ่ายนั้น แจ้งเหตุให้คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งทราบภายใน 15 วัน นับแต่โอกาสแรกที่อาจแจ้งให้ทราบได้ หากมิได้แจ้งภายในเวลาที่กำหนด คู่สัญญาที่ประสบเหตุจะยกเหตุดังกล่าวขึ้นอ้างเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิตามข้อ 18.3 และข้อ 18.4 ในภายหลังไม่ได้
ในขณะที่สัญญาข้อ 18.3 มีการระบุว่า กรณีที่คู่สัญญาได้รับผลกระทบด้านการเงินอันเนื่องจากเหตุสุดวิสัย หรือเหตุการณ์ที่เป็นข้อยกเว้น ให้บริษัทเอกชนคู่สัญญาที่ประสบผลกระทบอย่างร้ายแรงด้านการเงินอันมีสาเหตุมาจากเหตุสุดวิสัย และ/หรือเหตุการณ์ที่เป็นข้อยกเว้นนั้น มีสิทธิที่จะได้รับการชดเชยโดยวิธีหนึ่งวิธีใด 3 วิธี คือ
1.โดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมให้ปรับเพิ่มอัตราค่าผ่านทาง
2.ขยายระยะเวลาของสัญญา
หรือ3.ชดเชยด้วยวิธีการอื่นใดตามที่คู่สัญญาจะได้ตกลงกัน
อ่านประกอบ :
'กทพ.' เตรียมแผนสอง หากเพิกถอนคดีพิพาททางด่วน BEM ไม่ทัน 29 ก.พ.นี้
‘วิษณุ-ศักดิ์สยาม’ ร่ายยาว แจงเหตุครม.ไฟเขียวต่อสัมปทานทางด่วน BEM
ครม.ไฟเขียวต่ออายุสัมปทานทางด่วน BEM เป็นเวลา 15 ปี 8 เดือน
ที่มา : สัญญาโครงการทางด่วนขั้นที่ 2 (ฉบับแก้ไข)
ที่มา : สัญญาโครงการทางด่วนขั้นที่ 2 (ฉบับแก้ไข)
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/