'อิศรา' อัพเดตความเคลื่อนไหวสถานการณ์โคโรน่าไวรัสทั่วโลกล่าสุด ติดเชื้อสะสม 2.17 ล้าน เสียชีวิต 1.4 แสน 'ทรัมป์' ยันเดินหน้าเปิดประเทศ ล่าสุด อู่ฮั่นรับรายงานข้อมูลทางการผิดพลาด ขอปรับตัวเลขตายเพิ่มอีก 1,290 ศพ ส่วนสิงคโปร์ ติดเชื้อรายวัน 728 รายสูงสุดในอาเซียน ด้าน อินโดนีเซียหวั่นติดเชื้อเกินแสน เสียชีวิตเกินพัน ส่วนญี่ปุ่นปิดเมืองทั่วประเทศถึง 6 พ.ค. ขณะอังกฤษยอดติดเชื้อเกินแสน ด้านบราซิล ปธน.ไล่ รมว.สธ.ออกหลังไม่เห็นด้วยปมยกเลิกมาตรการเว้นระยะสังคม ส่วนเกาะกาลาปากอสไม่รอด พบผู้ติดเชื้อด้วย 78 ราย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์การระบาดของเชื้อโรคโควิด 19 หรือโคโรน่าไวรัสทั่วโลก ล่าสุดว่า ในช่วงค่ำวันที่ 16 เม.ย.2563 เว็บไซต์ World Meters รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลก ว่า มียอดรวมทั้งสิ้น 2,179,905ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 93,573ราย มีผู้เสียชีวิต 145,410 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 6,936 ศพ
โดยประเทศที่มีผู้ติดเชื้ออันดับ 1 ยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา มีผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 677,056 ราย ผู้ติดเชื้อใหม่ 29,625 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 29,053 ศพ ผู้เสียชีวิตรายใหม่ 2,137 ศพ ทำให้สหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสม ผู้ติดเชื้อรายวัน ผู้เสียชีวิตสะสม ผู้เสียชีวิตรายวันสูงที่สุดในโลก
แต่อย่างไรก็ดี ที่ทำเนียบขาว นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาประกาศว่าจะยังคงเดินหน้าแผนการเปิดประเทศต่อไป
โดยในระหว่างการแถลงข่าวประจำวัน ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้แสดงความเห็นใจแก่ผู้ที่ออกมาประท้วงมาตรการให้ปิดเมืองและอยู่บ้าน ทั้งในรัฐมิชิแกน,นอร์ธแคร์โรไลน่า และเคนตั๊กกี้ ซึ่งผู้ประท้วงหลายคนได้แสดงความรู้สึกแบบเดียวกับเขาที่ไม่ชอบ ให้มีการปิดเมืองและต้องการให้มีการเปิดประเทศแบบเดียวกัน ซึ่งเขาได้เริ่มหารือกับผู้ว่าการรัฐต่างๆในสหรัฐฯ ถึงมาตรการการเปิดเมืองในแต่ละรัฐแล้ว ซึ่งจะมีการดำเนินการเปิดเมืองแบบค่อยเป็นค่อยไป
สำหรับสถานการณ์ทั่วไปในสหรัฐฯ นั้น รัฐนิวยอร์ก ยังเป็นรัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 222,284 ราย และมีผู้เสียชีวิต 12,192 ศพ
การแถลงข่าวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ (อ้างอิงวิดิโอจากช่องทำเนียบขาว)
ส่วนสถานการณ์รอบโลกนั้น ในช่วงบ่ายของวันที่ 17 เม.ย. เว็บไซต์ worldmeters.com ได้ปรับตัวเลขการรายงานผู้เสียชีวิตในประเทศจีนใหม่ โดยมีรายงานว่าประเทศจีนนั้นมีผู้ป่วยรายวันเพิ่มขึ้นถึง 351 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 1,290 ศพ จึงทำให้ ณ ตอนนี้ ประเทศจีนมีผู้ป่วยสะสม 82,692 ราย และมีผู้เสียชีวิต 4,632 ศพ
โดยสาเหตุของการปรับตัวเลขดังกล่าวนั้น เว็บไซต์นิตยสารไทม์ได้รายงานว่ามาจากการที่ทางการอู่ฮั่นได้ตรวจสอบและรายงานตัวเลขที่ผิดพลาดในช่วงแรก จึงได้มีการทบทวนและปรับตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อดังกล่าว
ทั้งนี้เมืองอู่ฮั่นถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางต้นกำเนิดโรคระบาดโควิด 19 ซึ่งเริ่มระบาดตั้งแต่ปลายเดือน ธ.ค. 2562
ส่วนที่ประเทศสิงคโปร์ มีรายงานว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 4,427 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 728 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 10 ศพ
ซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันดังกล่าว ถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่ที่มีการบันทึกมา และทำให้สิงคโปร์มีตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
ขณะที่ฟิลิปปินส์ มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 5,660 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 207 ราย มีผู้เสียชีวิต 362 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 13 ศพ ส่งผลทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อในฟิลิปปินส์นั้นสูงที่สุดในอาเซียน
โดยประธานาธิบดีโรดริโก้ ดูเตอร์เต้ ของประเทศฟิลิปปินส์ ได้ออกมาขู่ประชาชนว่าเขาจะใช้มาตรการประกาศกฎอัยการศึกที่อนุญาตให้ทหารและตำรวจมีอำนาจอย่างอิสระ เนื่องจากมีรายงานว่ามีประชาชนจำนวนมากฝ่าฝืนมาตรการเคอร์ฟิวของรัฐบาล
ส่วนที่อินโดนีเซีย มีรายงานว่ามีติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 5,516 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่380 ราย มีผู้เสียชีวิต 496ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 27 ศพ ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตสะสมและผู้เสียชีวิตรายวันในอินโดนีเซียสูงที่สุดในอาเซียน
ขณะที่ นาย Wiku Adisasmito หัวหน้าทีมต่อต้านการแพร่ระบาดของไวรัสของอินโดนีเซีย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Strait Times ของสิงคโปร์ว่า สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดของอินโดนีเซียก็คือจะมีผู้ติดเชื้อสูงสุดถึงหนึ่งแสนคน และจะมีผู้เสียชีวิตจำนวนสูงสุดอยู่ที่หนึ่งพันคน
ส่วนที่ญี่ปุ่น มีรายงานว่า มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 9,220 ราย และมีผู้เสียชีวิต 178 ศพ ขณะที่ นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ประกาศสภาวะฉุกเฉิน 47 เขตทั่วประเทศ ซึ่งสภาวะฉุกเฉินนี้จะมีผลจนถึงวันที่ 6 พ.ค.
สำหรับสถานการณ์ประเทศในแทบยุโรป นั้น มีรายงานว่า ที่สเปน รายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 184,948 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 4,289ราย มีผู้เสียชีวิต 19,315 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 503 ศพ
ที่อิตาลี มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 168,941 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 3,786 ราย มีผู้เสียชีวิต 22,170 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 525 ศพ ในบางพื้นที่ของประเทศเริ่มมีการทยอยเปิดร้านหนังสือและร้านเสื้อผ้าเด็กแล้ว
ฝรั่งเศส มีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 165,027 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 17,164 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 17,920 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 753 ศพ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวทำให้ประเทศฝรั่งเศสกลายเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตรายวันสูงที่สุดในทวีปยุโรป
ซึ่งถ้าหากเปรียบเทียบข้อมูลตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตรายวันของฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 15 เม.ย. จะพบข้อมูลว่า ฝรั่งเศสมีผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นถึง 13,360 ราย แต่กลับมีผู้เสียชีวิตรายลดลงถึง 685 ศพ ทำให้ฝรั่งเศสยังคงเป็นประเทศที่มีตัวเลขความผกผันรายวันสูงที่สุดในโลก
สำหรับสถานการณ์ที่เยอรมนี มีผู้ติดเชื้อสะสม 137,698 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,945 ราย มีผู้เสียชีวิต 4,052 ศพ และมีรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตใหม่ 248 ศพ
ส่วนที่อังกฤษมีรายงานว่า มีผู้ติดเชื้อสะสม 103,093 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4,617 ราย มีผู้เสียชีวิต 13,729ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 861 ศพ ทำให้อังกฤษมีตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันที่สุดในยุโรป และยังเป็นประเทศที่ 6 ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเกินหนึ่งแสนคน
ขณะที่ นายโดมินิก ราห์บ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่ามาตรการปิดเมืองในประเทศอังกฤษนั้นจะยังคงอยู่ต่อไปอีกอย่างน้อย 3 สัปดาห์
ที่บราซิล มีผู้ติดเชื้อสะสม 30,683 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,073 ราย มีผู้เสียชีวิต 1,947 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 190 ศพ
ส่วนสถานการณ์ในบราซิล มีรายงานว่าล่าสุดนายฌาอีร์ โบลโซนารู ประธานาธิบดีบราซิล ได้ไล่นายลุยซ์ เฮนริเก้ แมนเดตต้า (Luiz Henrique Mandetta) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขออกจากตำแหน่งหลังจากทั้ง 2 คนมีปัญหาขัดแย้งกันอย่างรุนแรง
โดยก่อนหน้านี้ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้วิจารณ์ว่าตัวเขานั้นไม่เห็นด้วยที่ประธานาธิบดีบราซิลกำลังจะยกเลิกมาตรการเว้นระย่างทางสังคมออกไป
ขณะที่ ประธานาธิบดีบราซิล ได้ขู่ว่าถ้าหากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขวิจารณ์เช่นนี้อีก จะไล่ออกจากตำแหน่ง
อนึ่งก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีบราซิล เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงมาแล้วครั้งหนึ่ง จากการที่เขาให้สัมภาษณ์กับสื่อในประเทศ และได้พูดถึงสถานการณ์ด้วยคำว่า “บางคนจะต้องตาย ผมเสียใจด้วย แต่นั่นคือวิถีของชีวิต”
นายฌาอีร์ โบลโซนารู ประธานาธิบดีบราซิล (คนซ้าย) นายลุยซ์ เฮนริเก้ แมนเดตต้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (คนขวา) (อ้างอิงรูปภาพจากเดอะการ์เดี้ยน)
ส่วนที่หมู่เกาะกาลาปากอส ซึ่งอยู่ในประเทศเอกวดอร์ และอยู่ห่างออกจากชายฝั่งที่ใกล้ที่สุดถึง 1,000 กิโลเมตร พบว่ามีการระบาดของไวรัสโควิด 19 เช่นกัน โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด 19 แล้วถึง 78 ราย
เรียบเรียงจาก:https://www.theguardian.com/world/2020/apr/16/bolsonaro-brazil-president-luiz-mandetta-health-minister,https://www.nytimes.com/interactive/2020/us/coronavirus-us-cases.html,https://www.worldometers.info/coronavirus/,https://www.japantimes.co.jp/,https://www.bbc.com/news/live/world-52305053,https://www.straitstimes.com/
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/