‘วิชัย’ น้ำตาคลอ แถลงอำลาขรก.กรมการค้าภายใน หลังถูกสั่งย้ายไปสำนักนายกฯ เผยยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งแล้ว โดยให้มีผล 23 เม.ย.นี้ ยันสต็อก 200 ล้านชิ้น ไม่ใช่หน้ากากอนามัยที่ผลิตแล้ว แต่เป็นวัตถุดิบที่สต็อกไว้เพื่อผลิตหน้ากากอนามัยเป็นเวลา 4 เดือน ยอมรับคำสั่งคุมราคาหน้ากาก-ห้ามส่งออก ทำให้มีผู้เสียประโยชน์ วอนอย่าเอาไปเกี่ยวนักการเมือง
เมื่อวันที่ 16 มี.ค. เวลาประมาณ 10.15 น. นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เรียกประชุมข้าราชการกรมการค้าภายใน เพื่อชี้แจงและส่งมอบงาน หลังจากเมื่อวานนี้ (15 มี.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งที่ 80/2563 ให้นายวิชัยไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี
เมื่อเข้าห้องประชุมนายวิชัย กล่าวว่า “นี่ก็ครบปีกว่าแล้วที่ผมได้กลับมาทำหน้าที่ในกรมที่ผมบรรจุ ได้มีโอกาสตอบแทน…” พอพูดได้เพียงเท่านี้ นายวิชัยก็พูดต่อไปไม่ได้และมีน้ำตาคลอ ก่อนจะลุกจากเก้าอี้นั่งไปยืนมองวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่หน้าต่างของห้องแถลงข่าว กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งอยู่ตรงข้ามวัดแดงธรรมชาติ เมื่อกลับมายังที่นั่งแถลงข่าว นายวิชัย พูดต่อว่า “ภาพนี้อย่าออกนะ เดี๋ยวเขาจะหาว่าพี่อ่อนแอ”
จากนั้นนายวิชัย กล่าวต่อว่า “จะพูดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ มันอาจจะทำให้ผมมีความน้อยใจบ้าง แต่ว่ามันเป็นวิถีชีวิตของข้าราชการ เป็นวิถีๆ และต่อจากนี้ไป ท่านฉัตรชัย (ศักดิ์ศิลปชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์) และรองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จะเข้ามาช่วยดูงานต่อ โดยมีภาระที่รอพวกเราให้เข้าไปแก้ไขอีกมาก และภาระที่เกิดขึ้นเหมือนกันว่าเราต้องทำในสิ่งที่ยากมากๆ แล้วความไปเป็นได้ที่จะสำเร็จก็ริบหรี่มาก
เหมือนกับเอาตะเกียบคู่เดียวไปงัดไม้ซุง หรือเหมือนกับเอาไม้จ้มฟันไปงัดไม้ซุง แต่ผมก็ภูมิใจในสิ่งที่ทีมงานของผมได้ทำ และขอให้ฝ่าฟันทุกเรื่องด้วยความมุ่งมั่น” พอพูดได้เพียงเท่านี้ นายวิชัยก็ไม่ได้พูดต่อ และลุกจากที่นั่งไปที่ริมหน้าต่างอีกครั้ง และเมื่อกลับเข้ามานั่งที่โต๊ะแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ของกรมฯได้ขอให้ผู้สื่อข่าวออกจากห้องแถลงข่าวไปก่อน โดยนายวิชัยใช้เวลาชี้แจง และส่งมอบงานให้กับข้าราชการของกรมฯเป็นเวลาประมาณ 20 นาที
วิชัย โภชนกิจ ลุกจากเก้าอี้ไปยืนมองแม่น้ำเจ้าพระยา ระหว่างแถลงอำลาข้าราชการ 16 มี.ค.2563
หลังการชี้แจงและส่งมอบงานให้กับข้าราชการเสร็จสิ้นลง ได้มีข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของกรมฯนำดอกกุหลาบสีแดงมามอบให้นายวิชัย ซึ่งนายวิชัยได้ฝากฝังข้าราชการทุกคนดูแลงานของกรมฯต่อไป จากนั้นนายวิชัย แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่า วันนี้ได้มีโอกาสมาฝากงาน และร่ำลาน้องๆที่กรมการค้าภายใน เพราะตนได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งคงจะต้องปฏิบัติตาม ในขณะที่กรมการค้าภายในยังมีงานที่ต้องทำอีกมาก
“ได้ฝากน้องๆว่า กรมฯยังมีภารกิจที่ต้องรับมือกับงานที่หนักและยากเย็นแสนเข็ญหลายเรื่อง โดยเฉพาะการที่กระทรวงสาธารณสุขออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่า เรากำลังจะเจอกับระยะที่ 3 ของไวรัสโควิด-19 ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็แล้วแต่ ทีมงานของกรมฯต้องหนักแน่น ต้องเป็นกำลังที่จะไปดูแลประชาชนพี่น้องผู้บริโภค โดยเฉพาะตอนนี้ความคาดหวังของคนที่มีต่อกรมฯจะสูง บางเรื่องเป็นไปไม่ได้ แต่สังคมก็คาดหวังว่าต้องทำให้ได้” นายวิชัยกล่าว
นายวิชัย ยังชี้แจงกรณีหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น ว่า “ที่มีการติดใจว่าหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้นอยู่ไหน ได้อธิบายหลายรอบ แต่แปลก เวลาพูดเรื่องจริงแล้ว ความเชื่อน้อยกว่าที่จะเอาเรื่องหลอกลวงมาขยายผล เรื่อง 200 ล้านชิ้น ไม่ได้หมายความว่าเป็นสต็อกหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น แต่เป็นปริมาณวัตถุดิบที่วันนั้นมีการคาดการณ์ว่าจะผลิตหน้ากากได้เดือนละ 50 ล้านชิ้น คาดการณ์ว่าจะผลิตได้ 4 เดือน ไม่ได้หมายความว่าวันนั้นผลิตแล้ว 200 ล้านชิ้น”
นายวิชัย กล่าวต่อว่า หลังจากมีการออกประกาศควบคุมหน้ากากอนามัยแล้ว ตนได้ออกไปตรวจสอบสต็อกหน้ากากอนามัยเกือบทุกโรงงาน พบว่ามีสต็อกหน้ากากอนามัยในประเทศเพียง 20 ล้านชิ้น ขณะที่ปัจจุบันโรงงานต่างๆได้เพิ่มการผลิตหน้ากากอนามัยอย่างต่อเนื่องจากวันละ 1.2 ล้านชิ้นในตอนนั้น เป็นวันละ 1.56 ล้านชิ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และล่าสุดเมื่อวันที่ 14-15 มี.ค. กำลังผลิตเพิ่มเป็นวันละ 1.78 ล้านชิ้น และในวันที่ 18 มี.ค.นี้ กำลังผลิตจะเพิ่มเป็นวันละ 2 ล้านชิ้น
ส่วนกรณีที่กรมการค้าภายในอนุญาตให้ส่งออกหน้ากากอนามัยนั้น วิชัย กล่าวว่า การอนุญาตให้ส่งออกหน้ากากอนามัยเป็นภาวะที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะ 1.เป็นการผลิตหน้ากากอนามัยที่ได้รับการรับรองตามกฎหมายส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ซึ่งกำหนดให้ผลิตหน้ากากอนามัย โดยไม่มีภาษีนำเข้าวัตถุดิบ ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ และเป็นการผลิตเพื่อส่งออกเท่านั้น ซึ่งกลุ่มดังกล่าวไม่มีเงื่อนไขหรือเปิดช่องให้เขาผลิตและขายในประเทศได้เลย
2.เป็นกลุ่มที่ผลิตหน้ากากอนามัยตามสัญญาจ้างผลิต และติดเครื่องหมายการค้าหรือแบรนด์ของผู้จ้างผลิตไว้ที่หน้ากากอนามัยทุกชิ้น โดยสินค้าเหล่านั้นต้องส่งกลับไปประเทศที่สั่งซื้อ จะขายในเมืองไทยไม่ได้ หากกระทรวงพาณิชย์นำมาจัดสรรขายในเมืองไทยจะผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ โดยเฉพาะหากเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ทำการยึดหน้ากากอนามัยดังกล่าวมาขายในประเทศ ความผิดจะร้ายแรงกว่าที่คนอื่นๆทำ และ3.เป็นหน้ากากอนามัยที่คนไทยหรือหมอไทยไม่ได้ใช้
“ผมทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่มีอะไรผิดพลาด และกว่าจะมาถึงผม ก็ผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการฯ โดยผมไม่ได้อยู่ในอนุกรรมการฯด้วย เพราะไม่อยากเข้าไปชี้นำ หรือไปชี้แนะให้กรรมการฯพิจารณา ผมตัดวงจรนี้ออกไป สิ่งที่ทำ ผมพิจารณารอบคอบแล้ว และถ้าไม่อนุญาต ก็ไม่รู้ว่าจะเอาเหตุผลอะไรไปอ้างกับเขา เพราะใช้เองก็ไม่ได้ใช้ มีปัญหาด้านลิขสิทธิ์ เป็นสเปคที่ไม่ได้ใช้ในประเทศไทย และถ้าผมไม่เซ็นวันนั้น ผมต้องรับผิดชอบโดยส่วนตัว” นายวิชัยกล่าว
นายวิชัย ระบุว่า หน้ากากอนามัยที่มีการขออนุญาตส่งออก 53 ล้านชิ้น ตนอนุญาตให้ส่งออก 12.7 ล้านชิ้น และได้อนุญาตส่งออกเพิ่มเติมอีก 3-4 ล้านชิ้น
“ผมพยายามทำเรื่องนี้ให้โปร่งใสที่สุด ตรงไปตรงมา แต่ก็หลบไม่พ้น เพราะมีคนยกขึ้นมาเป็นประเด็น อย่างในเดือน ธ.ค.62 และม.ค.63 มีการบอกว่ามีการส่งออกหน้ากาก 330 ตันขึ้นมา มีการยกเรื่อง 180 ล้านชิ้นขึ้นมา ทั้งๆผมเข้ามาดูแลควบคุมหน้ากากอนามัยเมื่อวันที่ 4 ก.พ.2563 มีการยกเรื่องจับกุมล็อตที่อ้างว่ามีอยู่ในมือ 200 ล้านชิ้นขึ้นมา ซึ่งข้อมูลทั้งหมด ไม่ทราบว่ามาได้อย่างไร
แต่สังคมกลับเชื่อจริงๆว่า มี ผมได้ส่งทีมงานไปเคลียร์แล้ว มันไม่ใช่ 200 ล้านชิ้น มีแค่หมื่นกว่าชิ้น ผมก็ฟ้องไปแล้วว่าไม่แจ้งสต็อก แต่ไปเอา 200 ล้านชิ้นมาโยงได้อย่างไรไม่รู้ งงมาก และสิ่งที่เกิดขึ้น ผมพยายามทำความเข้าใจ พยายามชี้แจงแล้ว” นายวิชัยกล่าว
ข้าราชการกรมการค้าภายในร่ำไห้ ขณะมอบดอกกุหลาบในการอำลาตำแหน่งของ วิชัย โภชนกิจ
นายวิชัย กล่าวต่อว่า หลังจากประกาศควบคุมราคาหน้ากากอนามัยไม่เกินชิ้นละ 2.5 บาท ล่าสุดกรมฯได้ดำเนินคดีกับผู้ขายหน้ากากอนามัยเกินราคาไปแล้ว 150 คดี และกรมการค้าภายในไม่เคยดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดเข้มข้นเหมือนในขณะนี้ โดยเฉพาะการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตาม ม.29 ซึ่งมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท ไปแล้ว 30-40 คดี พร้อมทั้งขอให้โรงงานเปลี่ยนไลน์มาผลิตหน้ากากอนามัยเพื่อใช้ในประเทศมากขึ้น และจะผลิตเกินวันละ 2 ล้านชิ้นในเร็วๆนี้
นอกจากนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ได้ประสานไปยังประเทศจีนผ่านสถานทูตจีนในไทย เพื่อขอซื้อวัตถุดิบผลิตหน้ากากอนามัย หน้ากากอนามัยสำเร็จรูป เสื้อกาวน์ทางการแพทย์ และชุดตรวจสอบไวรัสโควิด-19 จากจีนเข้ามา หากการประสานงานครั้งนี้ได้ผล น่าจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนชาวไทยได้มาก โดยเฉพาะในช่วงที่การระบาดของเชื้อไวรัสกำลังจะเข้าระยะที่ 3 ในระยะต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในช่วงการแถลงข่าวผู้สื่อข่าวสอบถามนายวิชัยว่าได้ยื่นหนังสือลาออกแล้วใช่หรือไม่ นายวิชัย ระบุว่า ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าภายในต่อปลัดกระทรวงพาณิชย์แล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา และได้เก็บของออกจากรมฯตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว โดยใบลาออกจะมีผลในวันที่ 23 เม.ย.2563 และระหว่างนี้ได้ขอลาพักร้อนเป็นเวลา 30 วัน พร้อมทั้งระบุว่า “รู้สึกโล่งอก”
เมื่อถามถึงเหตุผลการลาออก นายวิชัย กล่าวว่า “จะให้เหตุผลอย่างไรดีล่ะ เอาเป็นว่าได้ทุ่มเทกับสิ่งที่ทำสูงสุดแล้ว แต่ความสามารถเรามีไม่ถึง ก็ขอพิจารณาตัวเอง”
เมื่อถามว่าสาเหตุที่ถูกโยกย้าย นายวิชัย กล่าวว่า “ต้องไปถามคนย้าย และผมก็ไม่ทราบมาก่อนล่วงหน้าว่าถูกย้าย ไม่แม้แต่ระแคะระคาย ส่วนสาเหตุคงก็ไม่มีเรื่องอื่น คงเป็นเรื่องที่ผมอาจจะบริหารเรื่องหน้ากากอนามัยไม่ลงตัวแค่นั้นเอง และอาจไปกระทบกับใครบ้างก็ไม่รู้ ซึ่งก็ไม่ได้เจตนา ทั้งไปคุมราคาเขา ห้ามเขาส่งออก เก็บสต็อกก็ไม่ได้ เคยซื้อขายอยู่ที่ชิ้นละ 10-20 บาท แต่ถูกบังคับเหลือชิ้นละ 2.5 บาท ก็คงมีแหละ ไปกระทบคนเยอะ”
วิชัย โภชนกิจ
เมื่อถามว่ารู้สึกว่าเป็นแพะรับบาปหรือไม่ นายวิชัย กล่าวว่า “ผมเป็นคน ไม่ได้เป็นแพะ” เมื่อถามว่าไอ้โม่งตัวจริงที่กักตุนหน้าหาก นายวิชัย กล่าวว่า “ไอ้โม่งพอมันใส่หน้ากากก็พอดูออก แต่ถ้าไอ้โม่งสวมหัวนี่ดูไม่ออกเลย ผมยังนึกไม่ออกเลยว่าไอ้โม่งมันอยู่ตรงไหน มาเกี่ยวข้องกับผมอย่างไร”
เมื่อถามว่าเมื่อนายวิชัยไม่เกี่ยวกับการกักตุนหน้ากากอนามัย แต่อาจมีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง นายวิชัย กล่าวว่า “พวกเราพยายามโยงวิชัยกับนักการเมืองตลอดเลย ผมก็ปฏิเสธมาโดยตลอด ผมทำงานชิ้นนี้ ผมขอบอกทุกคน ขอประกาศตอนนี้ ตรงนี้เลยว่า ไม่ว่าผมจะเป็นอธิบดีหรือไม่เป็น ผมไม่เคยรับคำสั่งการอะไรจากนักการเมือง และไม่เคยที่จะจัดอะไรให้กับนักการเมือง แม้กระทั่งซื้อหน้ากาก ยังไม่มีนักการเมืองคนไหนมาซื้อหน้ากากจากผมเลย
เรื่องนักการเมือง ผมยังไม่รู้ว่าจะเข้ามาในช่องไหน เพราะช่องแรก พอออกจากโรงงาน ผมมีเจ้าหน้าที่ของกรมฯกับทหารเข้ามาช่วยไปนั่งตรวจโรงงาน อนุญาตปล่อยสินค้าอยู่หน้าโรงงาน และการปล่อยจะต้องมีคำสั่งจากผมว่า จะให้ส่งหน้ากากไปที่ไหน ถึงจะปล่อยไปได้ พอปล่อยแล้วต้องออนไลน์ข้อมูลมาที่กรมฯ และส่งข้อมูลว่าไปถึงปลายทางเมื่อไหร่ และออนไลน์กลับมาว่าของถึงครบไหม ไปตกหล่นที่ไหน ที่บริหารมา 15 ล้านชิ้น เรายังไม่เจอว่ามีการตกหล่นไปไหน”
นายวิชัย กล่าวถึงการแจ้งความดำเนินคดีกับนายชัยยุทธ คำคุณ รองอธิบดีกรมศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร ที่ออกมาให้ข้อมูลส่งออกหน้ากากอนามัย 330 ตัน ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการแจ้งความในนามอธิบดีกรมการค้าภายใน และหากอธิบดีกรมการค้าภายในคนใหม่ จะถอนแจ้งความไม่ดำเนินคดีก็เป็นสิทธิ์ของท่าน
ก่อนหน้านีั แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า ในการประชุมคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน เมื่อวานนี้ (15 มี.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ร์และนายวิชัย ได้เข้าร่วมประชุมด้วย
โดยนายจุรินทร์เตรียมให้อธิบดีชี้แจงเรื่องการจัดการหน้ากาก แต่พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า ไม่ต้องชี้แจงแล้ว ต่อมาในช่วงเที่ยงได้มีคำสั่งย้ายนายวิชัยออกมา โดยขณะนั้นในายวิชัยกำลังนั่งรับประทานอาหารกลางวันกับนายจุรินทร์ และเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่แจ้งเรื่องให้นายจุรินทร์ ซึ่งเป็นรมว.พาณิชย์ รมว.ต้นสังกัดของนายวิชัยทราบก่อนแต่อย่างใด
"งบประมาณในการบริหารหน้ากากอนามัยก็ใช้เงินจากมูลนิธิธงฟ้า ไม่ได้เงินจากรัฐบาลเลย ตอนนี้ใช้ไปแล้ว 10 กว่าล้านบาท และที่ผ่านมา พล.ประยุทธ ไม่เคยพูดสักคำว่า จะสนับสนุนงบประมาณในการจัดการหน้ากากอนามัย" แหล่งข่าวระบุ
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/