‘กรมประมง’ เร่งสืบทรัพย์จำเลย 2 คดี หลังศาลจังหวัดพังงาอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยคืนเงิน 7.5 ล้านบาท เหตุแจ้งเรือประมงเสียหายทั้งลำจากคลื่นยักษ์สึนามิ ปี 47 ไม่ตรงข้อเท็จจริงเกือบ 40 ลำ พร้อมเดินหน้าเยียวยาเรือประมงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ IUU จำนวน 305 ลำให้แล้วเสร็จในปีนี้
แหล่งข่าวระดับสูงจากกรมประมง เปิดเผยกับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า ขณะนี้กรมประมงอยู่ระหว่างดำเนินการสืบทรัพย์และเรียกเงินคืนจากจำเลย 2-3 ราย หลังจากศาลจังหวัดพังงาได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยคืนทรัพย์ให้กับกรมประมง เนื่องจากการช่วยเหลือค่าชดเชยเรือประมงเสียหายเมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ เมื่อปี 2547 โดยจำเลยได้รับเงินช่วยเหลือเกินจากความเป็นจริงเป็นเงินรวมกว่า 7.5 ล้านบาท
“ตอนนี้มี 2-3 คดีที่ศาลฎีกาตัดสินแล้ว โดยกรมประมงอยู่ระหว่างดำเนินการสืบทรัพย์ ส่วนคดีในลักษณะนี้มีอีกหลายคดี แต่ไม่มาก ซึ่งเราก็จะว่าไปตามกฎหมาย ”แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวระบุด้วยว่า ปัจจุบันกรมประมงอยู่ระหว่างเยียวยาเรือประมงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการแก้ปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย การประมงที่ขาดการรายงาน และการประมงที่ขาดการควบคุม (IUU) โดยที่ผ่านมากรมฯเข้าไปซื้อเรือประมงและนำไปทำลายแล้วกว่า 250 ลำ จากทั้งหมด 305 ลำ โดยจ่ายเงินตรงเข้าบัญชีชาวประมงเลย และคาดว่าจะซื้อเรือประมงทั้งหมดได้ภายในปีนี้ ก่อนจะเข้าไปช่วยเหลือชาวประมงในระยะที่ 2 ต่อไป
“กรณีนี้เราจ่ายเงินเยียวยาให้ชาวประมงเลย 250 ลำ โดยจะจ่ายเงิน 30% ไปแล้ว และเมื่อทำลายเรือไปแล้วและมีหลักฐานในการทำลาย ก็จะจ่ายที่เหลืออีก 70% ส่วนที่เหลืออีก 53 ลำ จะดำเนินการให้เสร็จในปีนี้” แหล่งข่าวกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2562 ครม.มีมติอนุมัติจ่ายเงินเยียวยาเรือประมงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาครัฐในการแก้ปัญหา IUU เมื่อปี 2558 จำนวน 305 ลำ วงเงินเยียวยา760.54 ล้านบาท และภายใต้การเยียวยาดังกล่าว จะมีการเขียนสัญญาการรับเงินค่าเยียวยาไว้อย่างชัดเจนว่าผู้ที่ได้รับเงินค่าเยียวยาให้สัญญาว่าจะต้องไม่นำเงินที่ได้รับจากการเยียวยาไปทำผิดกฎหมายประมงอีกต่อไป
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2562 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดพังงา ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 816/2562 ในคดีที่กรมประมงเป็นโจทก์ฟ้องเรียกคืนทรัพย์จากนายบุญชู แพใหญ่ จำเลย เนื่องจากจำเลยได้รับเงินช่วยเหลือกรณีเรือประมงเสียหายจากเหตุการณ์ภัยธรณีพิบัติ (คลื่นยักษ์สึนามิ) เมื่อปี 2547 สูงเกินความเป็นจริง โดยศาลฯ มีคำพิพากษาให้นายบุญชู คืนทรัพย์ให้กับกรมประมงเป็นเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย 3,222,575 บาท
สำหรับคดีดังกล่าว นายบุญชู ซึ่งเป็นเจ้าของเรือประมง แจ้งขอรับความช่วยเหลือกรณีเรือประมงได้รับความเสียหายจากคลื่นยักษ์สึนามิ ตามระเบียบกรมประมงว่าด้วยการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกร ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำหรือชาวประมงที่ประสบภัยธรรมชาติ พ.ศ.2541 เป็นจำนวน 71 ลำ ในจำนวนนี้เป็นเรือประมงที่เสียหายทั้งลำและไม่สามารถซ่อมแซมได้ 15 ลำ โดยนายบุญชูได้รับความช่วยเหลือจากกรมประมงเมื่อวันที่ 25 ม.ค.2548 และวันที่ 1 ก.พ.2548
ต่อมามีการออกระเบียบกรมประมงว่าด้วยเงินช่วยเหลือและฟื้นฟูอาชีพประมงที่ประสบภัยพิบัติใน 6 จังหวัดภาคใต้ พ.ศ.2548 ซึ่งนายบุญชู เห็นว่าตนเองได้รับได้ความเสียหายมากเกินกว่าเงินช่วยเหลือที่ได้รับ และมีสิทธิได้รับการช่วยเหลือตามระเบียบนี้ในส่วนที่ขาดอยู่
นายบุญชู จึงได้ยื่นอุทธรณ์การช่วยเหลือด้านประมงที่ได้รับความเสียหายเป็นเรือประมงพร้อมเครื่องมือรวม 35 ลำ และได้รับเงินเพิ่มเติมอีก 10% ของอัตราความเสียหายทั้งหมดหักเงินช่วยเหลือแล้ว โดยได้รับเงินช่วยเหลือไปเมื่อวันที่ 25 ก.ค.2548
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภาคที่ 13 ตรวจสอบพบว่า การจ่ายเงินช่วยเหลือและฟื้นฟูอาชีพประมงดังกล่าวไม่ถูกต้อง และจ่ายเงินสูงกว่าความเสียหายที่แท้จริง จึงแจ้งให้กรมประมงทราบ
ต่อมากรมประมงเข้าไปตรวจสอบและพบว่ากรณีที่นายบุญชูแจ้งว่า เรือประมงเสียหายมากจนไม่สามารถซ่อมแซมให้ใช้การได้ดังเดิม และได้รับเงินช่วยเหลือลำละ 200,000 บาท ปรากฏว่าเรือ 11 ลำ นายบุญชู นำมาซ่อมแซมจนใช้การได้ดังเดิม นายบุญชูจึงรับการช่วยเหลือโดยไม่ชอบเป็นเงินลำละ 105,000 บาท รวมเป็นเงิน 1,155,000 บาท
นอกจากนี้ กรมประมงยังตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการขอรับความช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก 10% พบว่า เรือของนายบุญชู 2 ลำ ได้แก่ เรือ ก. โชคบุญชู 777 พบว่านายบุญชูได้รับเงินช่วยเหลือสูงเกินจริง 927,845 บาท และเรือ ช.โชคบุญชู 51 ได้รับเงินช่วยเหลือสูงเกินจริง 750,189 บาท
ต่อมาวันที่ 16 ม.ค.2558 กรมประมงจึงเป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดพังงา เพื่อเรียกคืนทรัพย์จากนายบุญชูเป็นเงิน 2,833,043 บาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ของเงินต้น และเมื่อวันที่ 7 พ.ค.2562 ศาลมีคำพิพากษาฎีกาให้นายบุญชู คืนเงินให้กรมประมงเป็นเงินพร้อมดอกเบี้ยเป็นเงิน 3,222,575 บาท ในขณะที่ก่อนหน้านี้นายบุญชู ได้รับเงินช่วยเหลือค่าเรือประมง 3 ครั้ง เป็นเงินทั้งสิ้น 16,434,220 บาท
สำนักข่าวอิศรารายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากการฟ้องเรียกคืนทรัพย์จากนายบุญชูแล้ว กรมประมงยังได้ฟ้องเรียกคืนทรัพย์จากผู้ได้รับเงินช่วยเหลือสูงเกินจริง ในกรณีที่เรือประมงได้รับความเสียหายจากคลื่นยักษ์สึนามิ เมื่อปี 2547 อีก 1 คดี โดยเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเรียกคืนทรัพย์จากนายทวี แพใหญ่ ต่อมาวันที่ 20 ส.ค.2562 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดพังงา ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 2781/2562 โดยสั่งให้นายทวีคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยให้กรมประมงเป็นเงิน 4,367,062.70 บาท
โดยคดีนี้ นายทวีแจ้งว่าเรือประมงของตนเองได้รับความเสียหายจากคลื่นยักษ์สึนามิ จำนวน 62 ลำ ในจำนวนนี้เป็นเรือที่เสียหายทั้งลำและไม่สามารถซ่อมแซมได้ 54 ลำ โดยนายทวีได้รับเงินช่วยเหลือ 2 ครั้ง เป็นเงินรวม 10,913,000 บาท และต่อมานายทวีได้รับการช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก 10% เนื่องจากมีเรือประมงพร้อมเครื่องมือเสียหาย 46 ลำ เป็นเงิน 16,130,740 บาท
ต่อมานายทวีนำเรือที่แจ้งว่าเสียหายทั้งลำและไม่สามารถซ่อมแซมได้ มาซ่อมแซมและใช้การได้ดังเดิมจำนวน 27 ลำ ทำให้นายทวีได้รับเงินช่วยเหลือสูงเกินจริง 2,835,000 บาท นอกจากนี้ นายทวียังได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม 10% กรณีเรือ ป.ดวงทวีพร 2 สูงเกินจริงเป็นเงิน 1,004,176 บาท รวมแล้วนายทวีได้รับเงินช่วยเหลือสูงเกินจริง 3,839,176 บาท เมื่อรวมกับดอกเบี้ย 7.5% อีก 527,886.70 บาท นายทวีจะต้องคืนเงินให้กรมประมง 4,367,062.70 บาท
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/