'จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์' รมว.พาณิชย์ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวสั่งดำเนินคดีเว็บไซต์ลาซาด้า เอี่ยวร้านออนไลน์ค้าหน้ากากอนามัย แพงเกินราคา 3 คดี รวด ด้านปลัดพณ. แจงกรณี เสี่ยบอย เจอ 3 ข้อหา ส่วน พันธ์ยศ พรรคภราดรภาพ เล็งขยายผลต่อ เจาะใช้ชื่อ บ.ไทยเฮลท์ ทำธุรกิจอื่นเกี่ยวข้องหน้ากากอีกหรือไม่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 11 มี.ค.25963 ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ เปิดแถลงข่าวถึงผลการดำเนินการสอบสวนคดีเกี่ยวข้องกับการขายหน้ากากอนามัยราคาแพงบนช่องทางออนไลน์ว่า จะมีการดำเนินคดีกับเว็บไซต์ลาซาด้า (Lazada) จำนวน 3 คดี หลังจากที่ก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์ ได้มีการมอบหมายให้นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เชิญแพลตฟอร์มเว็บไซต์ออนไลน์ที่มีพฤติกรรมส่อว่าจะทำผิดกฎหมายจำนวน 3 เว็บไซต์มาพบที่กระทรวงพาณิชย์ และเตือนให้ระมัดระวังไม่ให้มีการกระทำความผิดกฎหมายเกิดขึ้นไม่ว่าจะบนแพลตฟอร์มใดก็ตาม
"ในวันที่ 11 มี.ค. นี้ จะมีการขยายผลในเรื่องนี้พนักงานของกระทรวงพาณิชย์ระดับจังหวัดนครปฐมก็ได้เข้าแจ้งความเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. โดยแจ้งความต่อกรรมการผู้จัดการใหญ่ของเว็บไซต์ลาซาด้าในฐานะตัวการร่วม ซึ่งตามหลักกฎหมายก็จะมีโทษเท่ากันและขณะนี้พนักงานสอบสวนก็ได้รับเรื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว " นายจุรินทร์ระบุ
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า การดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มเว็บลาซาด้าจำนวน 3 คดีได้แก่ 1.คดีที่จังหวัดนครปฐม ซึ่งมีผู้ร้องมายังสายด่วนกระทรวงพาณิชย์ 1569 และเจ้าหน้าที่ได้ติดตามมาเป็นลำดับ พบว่ามีการเข้าดำเนินคดีกับร้านขายยาชื่อดีดีฟาร์มาซึ่งได้ประกอบการค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มลาซาด้า และพบของกลางที่ร้านขายยาเป็นกล่องหน้ากากอนามัยจำนวน 28 กล่อง ซึ่งมีโค้ดลาซาด้าอยู่บนกล่องที่เตรียมการจะส่งมอบให้กับผู้ซื้อปลายทางชัดเจน และเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาเพิ่มอีก 2 ข้อหากับร้านขายยาคือ 1.ขายเกินราคา และ 2.ขายเกินราคาอันสมควรสำหรับราคาควบคุม เพราะว่าหน้ากากอนามัยสีเขียวจะขายได้ไม่เกิน 2.50 บาทต่อชิ้น แต่หน้ากากอนามัยที่ทางกระทรวงตรวจพบนั้นขายเกินราคาถึง 1,100 บาทต่อกล่อง หรือคิดเฉลี่ยชิ้นละ 22 บาท (บรรจุ 50 ชิ้นต่อ 1 กล่อง) และข้อหาที่ 2 คือ ค้ากำไรเกินควร ซึ่งโทษตามฐานความผิดขายเกินราคานั้นจะเป็นการจำคุกไม่เกิน 5 ปีปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนข้อหาค้ากำไรเกินควรนั้นจะอยู่ที่จำคุกไม่เกิน 7 ปีปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายจุรินทร์ ยังกล่าวอีกว่า การดำเนินคดีกับเว็บไซต์ลาซาด้าในคดีที่ 2 นั้น เป็นประเด็นสืบเนื่องจากที่เจ้าหน้าที่ได้ติดตามล่อซื้อบนแพลตฟอร์มลาซาด้าพบว่ามีการจำหน่ายหน้ากากสีเขียวที่ใช้ทางการแพทย์ ในราคา 1,099 บาท ตกเฉลี่ยชิ้นละ 22 บาทโดยได้มีการเซ็นรับของเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2563 เวลา 15:00 น. และมีการบันทึกปากคำเจ้าหน้าที่ของบริษัทขนส่งที่มาส่งที่ปลายทางโดยมีหลักฐานใบสั่งซื้อมีหลักฐานเอกสารของลาซาด้าในการรับคำสั่งซื้อและรหัสการสั่งซื้อครบถ้วน โดยผู้ที่จำหน่ายคือร้าน 928 Shop เท่าที่ติดตามพบว่าปิดร้านไปแล้ว แต่หลังจากแถลงข่าวเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์จะไปแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน ในข้อหาขายเกินราคาควบคุมและค้ากำไรเกินควร โดยจะแจ้งข้อหากับร้าน 928 Shop และลาซาด้าที่เป็นแพลตฟอร์มให้มีการหาผิดกฎหมายเช่นเดียวกัน
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า การดำเนินคดีกับเว็บไซต์ลาซาด้าในคดีที่ 3 นั้นเป็นกรณีที่จังหวัดนครปฐมเช่นกัน เป็นการดำเนินการกับร้านที่ขายผิดกฎหมาย คือ Appliance & Safety (NK) โดยขายในราคากล่องละ 1,299 บาท ชิ้นละ 26 บาท โดยกระทรวงจะแจ้งข้อหาขายเกินราคากำหนดและค้ากำไรเกินควรเช่นเดียวกัน และจะดำเนินคดีที่กับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ต่อไป
“ขณะนี้เราพบว่ามีความพยายามที่จะหาลู่ทางในการค้ากำไรเกินควรโดยปรับเปลี่ยนรูปแบบไปขายตามราคาควบคุมแต่คิดค่าขนส่งแพงมาก ขอเตือนว่าผิดกฎหมายเช่นเดียวกัน จะเข้าข่าย ขายเกินราคาและขายในราคาสูงเกินสมควร ในสองข้อหาเช่นเดียวกัน เพราะคำว่าราคาควบคุมนั้นรวมทั้งตัวสินค้าและค่าบริการด้วย ดังนั้นค่าขนส่งถือเป็นค่าบริการถือว่าอยู่ในกฎหมายเช่นเดียวกัน ใครที่กำลังทำอยู่ก็มีความผิดตามกฎหมายเช่นเดียวกัน” นายจุรินทร์กล่าว
ส่วน นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณี นายศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี หรือ เสี่ยบอย กับการประกาศขายหน้ากากอนามัยจำนวน 200 ล้านชิ้นว่า "กรณีนี้เกิดขึ้นมาจากการที่ทางสายตรวจกระทรวงพาณิชย์ได้นำเรื่องนี้ไปหารือเพื่อที่จะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งมีการโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก โดยใช้ชื่อจริง ก่อนจะร่วมมือกับกองบังคับการปราบปรามผู้บริโภค สืบสาวราวเรื่องจนพบว่าอยู่จังหวัดชลบุรีและใช้บัญชีธนาคารกสิกรไทยจนตามเจอตัว ก่อนจะติดตามและเข้าไปใน เฟซบุ๊ก แต่ปรากฏว่า ปิดไปแล้ว เมื่อตรวจสอบโทรศัพท์ที่เผยแพร่ไว้ พบว่า เบอร์โทรนี้ยังไม่จดทะเบียนในระบบเข้าใจว่ามีการปิดไปแล้วไม่นานนี้ จึงมีเสียงตอบรับว่ายังไม่จดทะเบียนในระบบ แต่ไม่ได้ตัวบุคคลมา ปัจจุบัน พนักงานสอบสวนกำลังขยายผลต่อไป"
นายบุณยฤทธิ์กล่าวว่า ในส่วนข้อหาที่อาจจะมีการแจ้งกับ นายศรสุวีรฺ มี 3 ข้อหา คือ 1.มีสินค้าไว้และไม่แจ้งปริมาณการเก็บสินค้าคงเหลือในกรณีที่เป็นตัวแทนจำหน่ายมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีปรับไม่เกิน 20,000 บาท 2.ข้อหามาตรา 25(1)ขายเกินราคาควบคุม จำคุกไม่เกิน 5 ปีปรับไม่เกิน 100,000 บาทและ 3. ข้อหาตามมาตรา 29 จำคุกไม่เกิน 7 ปีปรับไม่เกิน 140,000 บาท ตอนนี้อยู่ในมือของพนักงานสอบสวนแล้วทางกระทรวงพาณิชย์โดยทีมงานสายตรวจของกรมการค้าภายในกำลังสืบหาข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นข้อมูลที่นำส่งให้กับพนักงานสอบสวนทำการดำเนินคดีต่อไป
ส่วนการสอบสวน นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคภราดรภาพ และอดีตประธานที่ปรึกษา บริษัท ไทยเฮลท์ จำกัด นั้น นายบุณยฤทธิ์ กล่าวว่า กรมการค้าภายใน ได้ตรวจสอบร่วมกับเจ้าที่ตำรวจพบว่ามีการเก็บของอยู่ 12,500 ชิ้น โดยเรื่องนี้ทางกรมการค้าภายในได้มอบอำนาจให้มีการออกหมายเรียกมาดำเนินคดีต่อไป ส่วนข้อหาอื่นพนักงานสอบสวนพบว่าตึกนี้เป็นที่ทำการของบริษัทตามข่าว และได้มีการตรวจสอบในเรื่องของสถานะของบริษัทพบว่าบริษัทนี้มีชื่อนายพันธ์ยศเป็นผู้ถือหุ้นและมีอีกคนหนึ่งที่อาจจะเกี่ยวข้องคือเหรัญญิกพรรคภราดรภาพเป็นผู้ถือหุ้นเหมือนกันแต่ได้ยกเลิกบริษัทไปแล้วและเสร็จสิ้นการชำระบัญชีไปแล้ว ขณะนี้บริษัทนี้ถือว่าไม่มีบริษัทอีกต่อไป อย่างไรก็ตามทางกระทรวงพาณิย์ก็จะต้องตรวจสอบต่อไปว่า มีการใช้ชื่อบริษัทนี้ในนามนิติบุคคลไปทำธุรกิจอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับหน้ากากอนามัยหรือไม่ ส่วนเรื่องการกักตุนนั้นจะต้องพิจารณาว่าความผิดครบองค์ประกอบหรือไม่ ถ้าความผิดครบก็ต้องดำเนินคดีไป
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/