'ประยุทธ์' แจงสถานการณ์โควิด- 19 ล่าสุดเฝ้าระวัง 4,682 คน ป่วยจริง 53 รักษาหายกลับบ้าน 33 คน เสียชีวิต 1 ยันเฝ้าระวังแรงงานเกาหลี ผู้เดินทางกลับจาก 4 ปท.เสี่ยงเข้มข้น เล็งผลิตเพิ่มหน้ากาก 50 ล้านชิ้น แก้ปัญหาขาดแคลน เล็งแจกปชช. 20 ล.ชิ้น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 มี.ค.2563 หลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า อันเป็นสาเหตุของโรคโควิด 19 ในประเทศไทย ว่า จากข้อมูลล่าสุดระบุว่าประเทศไทยมีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังอยู่ที่ 4,682 คน พบผู้ป่วยโรคโควิด 19 ยืนยันแล้ว 53 คน รักษาหายกลับบ้านแล้ว 33 คน เสียชีวิต 1 คน
"ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 32 ของโลก ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขพยายามที่จะคลี่คลายสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการดูแลแรงงานไทยที่เดินทางกลับมาจากเกาหลีใต้มีการคัดกรองอย่างละเอียด ต้องมีใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าไม่ได้ป่วยจริง สำหรับผู้ที่เดินทางกลับมาจาก 4 ประเทศ (เกาหลี จีน รวมถึงเขตบริหารพิเศษมาเก๊า และฮ่องกง, อิตาลี และอิหร่าน)ซึ่งเป็นประเทศที่มีสถานการณ์การระบาดอยู่นั้น ก่อนการขึ้นเครื่องบินจะต้องมีการตรวจสอบประกันสุขภาพ คัดกรองจากจุดเช็คอินที่สนามบินต้นทางเพื่อยืนยันว่าไม่ติดเชื้อโดยสายการบินจะเป็นผู้ตรวจสอบ และผู้เดินทางเมื่อกลับมาประเทศไทยจะต้องกักตัวเองอยู่บ้านเพื่อเฝ้าระวังอาการทุกกรณี" พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาขาดแคลนหน้ากากอนามัย ได้มีการสั่งการให้มีการผลิตหน้ากากเพิ่มเข้าระบบอีก 50 ล้านชิ้น โดยในจำนวนนี้มี 20 ล้านชิ้น ที่จะผลิตเพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชน แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องติดตามต่อก็คือว่าทำไมร้านค้าต่างๆถึงมีหน้ากากไม่พอที่จะจำหน่าย โดยจะยึดถือตามข้อมูลปัจจุบันว่าสามารถผลิตหน้ากากอนามัยได้เป็นจำนวนเท่าไรต่อวัน
" สำหรับเรื่องบุคลากรทางการแพทย์ได้รับหน้ากากอนามัยไม่เพียงพอนั้นเบื้องต้นก็มีการประสานงานกับทางโรงพยาบาลรามาธิบดีในเรื่องการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้กับบุคลากรในโรงพยาบาลแล้ว ผลการแจกจ่ายเป็นที่น่าพอใจ และขณะนี้ก็ได้รับข้อมูลว่าประเทศจีนซึ่งสถานการณ์การระบาดได้คลี่คลายแล้ว เขาก็ส่งหน้ากากและยามาช่วยเหลือทางประเทศไทยอีกทางหนึ่งด้วย" นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงเสียงวิพากษณ์วิจารณ์เรื่องรัฐบาลเปิดรับเงินบริจาคเพื่อรับมือกับสถานการณ์การระบาดของไวรัส ว่า "อยากให้เข้าใจว่าการบริจาคทุกอย่างนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง และการจะเอาเงินไปใช้จ่ายอะไรก็ต้องมีการรับฟังความเห็นอย่างรอบด้าน และไม่อยากให้เอาเงินตรงนี้ไปปะปนกับการใช้จ่ายของภาครัฐแต่อย่างใด แต่เงินบริจาคนั้นจะเอาไปช่วยเติมถ้าหากเงินเยียวยาไม่เพียงพอ เช่นกรณีเหตุกราดยางที่โคราช ก็มีการใช้เงินบริจาคเอาไปสมทบกับเงินเยียวยาผู้ที่บาดเจ็บเป็นต้น"
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage