ก.ท่องเที่ยวฯ เผยนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนม.ค. บวก 2.46% แต่เริ่มมีสัญญาณนักท่องเที่ยว ‘จีน-อินเดีย’ หดตัว ขณะที่ ‘สทท.’ ชี้ท่องเที่ยวไทย 'สาหัส' หลังพบการติดเชื้อจากคนสู่คนในไทย คาดเดือน ก.พ.-มี.ค. นักท่องเที่ยวต่างชาติหายเกือบ 4 ล้านคน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานสถานการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือน ม.ค.2563 ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 3.81 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2.46% เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค.2562 เนื่องจากนักท่องเที่ยวมาเลเซียเพิ่มขึ้น 20.61% รัสเซียเพิ่มขึ้น 11.24% ไต้หวันเพิ่มขึ้น 27.39% ฮ่องกงเพิ่มขึ้น 28.43% และเวียดนามเพิ่มขึ้น 27.33% ซึ่งสร้างรายได้เข้าประเทศ 1.88 แสนล้านบาท ลดลง 3.6%
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนแรกของปีนี้จะยังเติบโต เพราะผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพิ่งเริ่มในช่วงปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา แต่จะพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในเดือน ม.ค.2563 ลดลงมาอยู่ที่ 1.03 ล้านคน หรือติดลบ 3.71% เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค.2562 และเป็นการติดลบครั้งแรก หลังจากนักท่องเที่ยวจีนขยายตัวเป็นบวกติดต่อกัน 6 เดือน หรือตั้งแต่เดือน ก.ค.-ธ.ค.2562
ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวอินเดียในเดือน ม.ค.2563 ลดลงมาอยู่ที่ 1.59 แสนคน หรือติดลบ 2.64% เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค.2562 ในขณะที่ทั้งปี 2562 จำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียบวก 24.85% และทั้งปี 2561 นักท่องเที่ยวอินเดียบวก 12.94%
นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า แม้ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนม.ค.2563 จะขยายตัวได้อยู่ แต่ในช่วงเดือนก.พ.-มี.ค.2563 จะเป็นช่วงที่การท่องเที่ยวไทยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดมากที่สุด เพราะแม้ว่าจีนจะเริ่มควบคุมการระบาดของไวรัสได้แล้ว แต่ขณะนี้กลับพบการแพร่ระบาดของไวรัสจากคนสู่คนในหลายประเทศ และมีหลายประเทศได้ประกาศแจ้งเตือนหลีกเลี่ยงเดินทางมาไทย
“การแพร่ระบาดของไวรัสจากคนสู่คนในประเทศอื่นๆนอกจีน อีกทั้งยังมีข่าวปลอมออกมาเยอะมาก ทำให้นักท่องเที่ยวไม่เชื่อมั่น และแทบจะหยุดเดินทาง อย่างนักท่องเที่ยวอินเดีย ซึ่งปกติไม่ค่อยกลัวอะไร และมาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้นโดยตลอด แต่ตอนนี้เริ่มเป็นลบแล้ว เพราะเขาเริ่มหยุดเดินทาง นี่เป็นกระแสที่น่ากลัว ขณะที่หลายประเทศเตือนให้คนของเขาหลีกเลี่ยงมาไทย เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และประเทศแถบตะวันออกกลาง” นายชัยรัตน์กล่าว
นายชัยรัตน์ ประเมินว่า หลังจากที่จีนสั่งห้ามทัวร์จีนออกนอกประเทศ และห้ามขายแพ็กเกจท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางด้วยตัวเอง (F.I.T.) ส่งผลให้ในเดือนก.พ.นักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวไทยลดลง 90% จากปกติเดือนละ 9 แสนถึง 1 ล้านคน ส่วนอีก 10% ที่ยังมาไทยเป็นกลุ่มที่มาติดต่อธุรกิจและเยี่ยมญาติ และในเดือนมี.ค.จำนวนนักท่องเที่ยวจีนน่าจะใกล้เคียงกับเดือนก.พ.หรือหายไป 90% จากปกติ หรือรวมแล้ว 2 เดือนนักท่องเที่ยวจีนจะหายไป 1.6-1.8 ล้านคน
ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติอื่นๆที่เฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 2-2.5 ล้านคนนั้น พบว่าในเดือน ก.พ. นักท่องเที่ยวลดลงต่อเนื่องจนเหลือ 40-50% หรือลดลงประมาณ 1 ล้านคน เนื่องจากมีการชะลอการท่องเที่ยว โดยกลุ่มที่ยังมาไทยอยู่เป็นกลุ่มที่จองทริปล่วงหน้า แต่ตอนนี้ไม่มียอดจองแล้ว และคาดว่าในเดือน มี.ค. นักท่องเที่ยวชาติอื่นๆจะลดลงเหลือเพียง 20-30% หลังจากพบการติดเชื้อจากคนสู่คนในไทย เหลือเท่ากับว่าในช่วง 2 เดือน นักท่องเที่ยวชาติอื่นๆจะหายไปอย่างน้อย 2 ล้านคน
“การพบผู้ติดเชื้อจากคนสู่คนในไทยล่าสุด ยิ่งทำให้สถานการณ์การท่องเที่ยวไทยอยู่ในภาวะสาหัสอย่างมาก และเชื่อว่าในเร็วๆนี้กระทรวงสาธารณสุขจะประกาศให้ไทยเขาสู่ระยะที่ 3 ของการระบาด ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงเหลือ 20-30% อีกทั้งตอนนี้คนไทยก็ไม่ค่อยเที่ยวแล้ว ตามห้างก็เงียบเหงา ดังนั้น ความหวังเดียวที่จะทำให้สถานการณ์ไวรัสโควิดคลี่คลาย คือ การพบวัคซีนที่รักษาโรคนี้อย่างได้ผล ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจน" นายชัยรัตน์กล่าว
นายชัยรัตน์ ยังเสนอว่า แม้ว่าที่ผ่านมาหลายธนาคารจะเข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการในภาคท่องเที่ยว เช่น พักหนี้เงินต้น ลดดอกเบี้ย และให้สินเชื่อเสริมสภาพคล่อง แต่ยังไม่เพียงพอ เพราะเมื่อยังต้องส่งดอกเบี้ยอยู่ แต่รายได้ไม่มี แล้วจะให้ผู้ประกอบการเอาเงินที่ไหนมาจ่าย ดังนั้น หน่วยงานภาครัฐ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารต่างๆ ควรร่วมกันออกมาตรการผ่อนปรนกฎเกณฑ์ให้พักหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยให้ลูกหนี้ทั้งหมด
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/