ศาลฎีกาเลื่อนอ่านคำพิพากษาคดีแกนนำ นปช. บุกบ้านสี่เสาเทเวศร์ ปี 50 ไปวันที่ 30 เม.ย. 63 เหตุ 'นพรุจ' จำเลยที่ 1 ไม่ได้เดินทางมาศาล ย้ายที่อยู่ใหม่ ให้อัยการนำสืบเพื่อส่งหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2563 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) รวม 7 ราย กรณีชุมนุมปิดหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ สมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เมื่อปี 2550 โดยจำเลยที่ 1-7 ได้แก่ นายนพรุจ หรือ นพรุฒ วรชิตวุฒิกุล แกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 นายวีระศักดิ์ เหมะธุลิน นายวันชัย นาพุทธา นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย(พท.) และนพ.เหวง โตจิราการ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.
เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ศาลฎีกาได้เลื่อนอ่านคำพิพากษาคดีดังกล่าวออกไปเป็นวันที่ 30 เม.ย. 2563 เวลา 09.00 น. เนื่องจากนายนพรุจ หรือนพรุฒ วรชิดวุฒิกุล จำเลยที่ 1 ไม่ได้เดินทางมาศาลในวันดังกล่าว เนื่องจากย้ายที่อยู่ใหม่ ไม่สามารถส่งหมายได้ จึงให้เวลาอัยการสืบหาที่อยู่จำเลยที่ 1 ใหม่
อนึ่ง ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 08.30 น. แกนนำ นปช. ทั้ง 4 รายที่เป็นจำเลย เดินทางมาฟังคำพิพากษา พร้อมด้วยนายจตุพร พรหมพันธ์ุ ประธาน นปช. (ถูกฟ้องคดีนี้แต่แยกอีกสำนวนหนึ่ง) นายยศวริศ ชูกล่อม (เจ๋ง ดอกจิก) และกลุ่มมวลชนมาให้กำลังใจด้วยจำนวนหนึ่ง โดยนายวีระกานต์ กล่าวก่อนเข้ารับฟังคำพิพากษาว่า น้อมรับกับผลของการตัดสินไม่ว่าจะเป็นบวกหรือลบ ต้องยอมรับอยู่แล้ว เพราะมาสู่กระบวนการนี้ก็ต้องยอมรับ การรับสารภาพเป็นความหวังของผู้ต่อสู้คดีทุกคน ต้องใช้สิทธินี้ตามรัฐธรรมนูญ แต่จะได้หรือไม่ได้ก็อีกเรื่องหนึ่ง ส่วนพี่น้อง นปช.เราเวลานี้ก็อยู่กันแบบกระจัดกระจาย แต่ทุกคนก็ยังมีคิดความอ่านทางการเมืองอยู่ เราก็ฝากเพียงว่าขอให้ทุกคนแสดงความคิดความเห็น โดยสันติวิธีเท่านั้น อย่าเลิกล้มความคิดก็ใช้ได้แล้ว
ขณะที่ นพ.เหวง กล่าวว่า ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็น้อมรับคำพิพากษา ไม่มีปัญหาอะไร เพราะพวกเราทุกคนรู้อยู่แล้ว เส้นทางนี้มีสองอย่าง ชนะหรือแพ้ ถ้าชนะประชาชนก็มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ถ้าแพ้พวกเราก็มีชะตากรรมสองอย่าง คือคุกหรือตาย ทุกอย่างชัดเจนมาตั้งแต่ต้นแล้วสำหรับคนที่ตัดสินใจเดินทางนี้.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ศาลฎีกาเลื่อนอ่านคำพิพากษามาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกนัดเมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2562 แต่นายวีระกานต์ ป่วย เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ต่อมานัดเมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2562 นายวีระกานต์ นายณัฐวุฒิ นพ.เหวง และนายวิภูแถลง ยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิมที่เคยปฏิเสธ เป็นคำให้การใหม่รับสารภาพ ศาลจึงส่งคำร้องให้ศาลฎีกาพิจารณามีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 16 ก.ย.58 ให้จำคุกนายนพรุจ จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 2 ปี 8 เดือน ฐานทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่ฯ ส่วนนายวีระกานต์, นายณัฐวุฒิ, นายวิภูแถลง และนพ.เหวง จำเลยที่ 4-7 คนละ 4 ปี 4 เดือน ฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายฯ และเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของ เจ้าพนักงานฯ และให้ยกฟ้อง นายวีระศักดิ์ และนายวันชัย จำเลยที่ 2-3 พร้อมให้ริบของกลางทั้งหมด
ต่อมาเมื่อวันที่ 10 ม.ค.60 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดฐานเป็น ผู้สนับสนุน ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานฯ ตามมาตรา 138 วรรคสอง ให้จำคุกคนละ 1 ปี และมีความผิดฐานมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อให้เกิดความวุ่นวายโดยเป็นหัวหน้าสั่งการ ซึ่งเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก ตามมาตรา 215 วรรคหนึ่งและวรรคสาม, มาตรา 216 ประกอบมาตรา 83
เป็นการกระทำกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 215 วรรคสาม เพียงกรรมเดียว จำคุกคนละ 3 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 4-7 คนละ 4 ปี แต่คำให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 4-7 คนละ 2 ปี 8 เดือน นอกเหนือจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนนายนพรุจ จำเลยที่ 1 คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญาทั้งหมด
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก www.thaipost.net
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/