ศาลคดีทุจริตฯ นัดพิพากษา 25 พ.ย. 62 ‘พานทองแท้’ เบิกความพยานจำเลยคดีฟอกเงินแบงก์กรุงไทย 10 ล้าน ยันคำเดิมได้รับเงินจาก ‘รัชฎา กฤษดาธานนท์’ เตรียมลงขันทำธุรกิจซุปเปอร์คาร์ แต่ล้มแผนไปก่อน เหตุให้คนสนิทช่วยดูแล้วไม่เวิร์ค ไม่รู้เหตุในเช็คใส่ชื่อ ‘วิชัย กฤษดาธานนท์’
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2562 ศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี นัดไต่สวนพยานฝ่ายจำเลย คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน โดยถูกกล่าวหาว่า รับเงินเป็นเช็คจำนวน 10 ล้านบาทเข้าบัญชี โดยมีการกล่าวหาว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งจากการกระทำการทุจริตปล่อยกู้สินเชื่อระหว่างธนาคารกรุงไทยกับเอกชนกลุ่มกฤษดามหานคร
นายพานทองแท้ ขึ้นเบิกความเป็นพยานด้วยตนเองปากเดียว ชี้แจงว่า ได้วางแผนที่จะดำเนินธุรกิจนำเข้ารถยนต์ซุปเปอร์คาร์ ที่มีนายรัชฎา กฤษดาธานนท์ ร่วมด้วย (บุตรนายวิชัย กฤษดาธานนท์ อดีตผู้ก่อตั้งเครือกฤษดามหานคร ปัจจุบันทั้ง 2 ราย ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก คดีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้สินเชื่อแก่เครือกฤษดามหานครโดยทุจริต) แนวคิดดังกล่าวตนเป็นผู้คิดเองตั้งแต่ปี 2547 จากที่มีการพูดคุยในกลุ่มเพื่อน 5-6 ราย หลังจากพูดกันแบบไม่เป็นทางการ วันรุ่งขึ้นนายรัชฎาโทรศัพท์หาตนว่าจะขอร่วมลงทุนด้วย โดยเหตุที่นายรัชฎาเร่งโทรมาพูดคุย เพราะกังวลว่าตนลืมชวนนายรัชฎาลงทุน แนวคิดขณะนั้นคิดไว้เพียงว่าการลงทุนน่าจะต้องใช้เงินทุนรายละ 20 ล้านบาท เนื่องจากมูลค่าซุปเปอร์คาร์ต่อคันจะตกอยู่ที่ 20 ล้านบาทขึ้นไป และช่วงนั้นไม่มีบุคคลอื่นมาร่วมเสนอลงทุน
นายพานทองแท้ เบิกความอีกว่า การทำธุรกิจดังกล่าว ได้ให้นายเฉลิม แผลงศร ที่เป็นกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน (CFO) ดูแลเรื่องการเงินในทุกบริษัทของตน ไปศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจดังกล่าว แม้นายเฉลิมจะไม่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับธุรกิจรถยนต์ซุปเปอร์คาร์ แต่ที่ตนมอบหมายงานให้ศึกษา เพราะให้ความไว้วางใจเรื่องที่ดูแลการเงินบริษัท และเงินส่วนตัว รวมทั้งธุรกิจของตนด้วย สุดท้ายธุรกิจนี้ไม่ได้ดำเนินการ ยุติลงในชั้นของการศึกษาแนวทาง เพราะนายเฉลิมแจ้งผลการศึกษาว่าธุรกิจนี้มีความเป็นไปได้ยาก และไม่คุ้มเงินลงทุน ส่วนที่นายรัชฎาโอนเงิน 10 ล้านบาทมาให้ โดยเป็นเช็คชื่อนายวิชัย กฤษดาธานนท์นั้น ตนไม่ทราบเหตุผล
ฝ่ายอัยการได้พยามซักนายพานทองแท้ เกี่ยวกับธุรกิจของครอบครัวและนายพานทองแท้ รวมถึงความใกล้ชิดระหว่างนายพานทองแท้ กับนายเฉลิม และนายพานทองแท้กับนายรัชฎา และนายวิชัย โดยนายพานทองแท้ เบิกความตอบสรุปได้ว่า ครอบครัวของตนมีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเมืองคือนายทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อา โดยทั้ง 2 รายเคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี และมีลูกพี่ลูกน้องที่เป็น ส.ส. ส่วนตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง ปัจจุบันประกอบธุรกิจส่วนตัวมีอยู่ 7 กิจการ เช่น บริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด บริษัท ฮาวคัม จำกัด เป็นต้น ตนมีรายได้ 1 ล้านบาท/เดือน ในจำนวนนั้น 4 แสนบาท เป็นค่าตอบแทนที่ได้จากธุรกิจบริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด ที่เหลือเป็นเงินปันผลจากหุ้นบริษัทต่าง ๆ และมีค่าใช้จ่าย 4-5 แสนบาท/เดือน ส่วนธุรกิจของครอบครัวนั้น ปัจจุบันมีประมาณ 7 กิจการ เช่น โรงแรมโรสวู้ด แบงค์คอก กับสนามกอล์ฟอัลไพน์ บางกิจการตนมีหุ้นอยู่ด้วย
ส่วนความใกล้ชิดสนิทสนามระหว่างตนกับนายรัชฎานั้น นายพานทองแท้ ระบุว่า รู้จักกันมาตั้งแต่อายุ 21 ปี และเคยไปหานายรัชฎาที่บ้าน ซึ่งอยู่ในพื้นที่บริเวณเดียวกับบ้านของนายวิชัย แต่เป็นคนละหลัง และตนไม่เคยไปหานายวิชัยที่บ้าน
ทั้งนี้ศาลเห็นว่าไต่สวนพยานครบถ้วนเพียงพอที่จะวินิจฉัยคดีได้แล้ว จึงนัดฟังคำพิพากษาคดีนี้ ในวันที่ 25 พ.ย. 2562 เวลา 10.00 น. โดยให้คู่ความทั้ง 2 ฝ่ายยื่นคำแถลงปิดคดีภายใน 30 วัน หากไม่ยื่นภายในกำหนดจะถือว่าไม่ติดใจ
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ :
ดีเอสไอ ส่งสำนวนฟ้อง 'พานทองแท้' กับพวกฟอกเงินกรุงไทย
คณะทำงานดีเอสไอสอบเพิ่ม‘โอ๊ค-พวก’ คดีฟอกเงินหลังถูกร้อง-ทั้งที่สรุปสั่งฟ้องแล้ว
ก่อน ปปง.กล่าวโทษคดีฟอกเงินกรุงไทย ขุมธุรกิจพันล.‘พานทองแท้’ ปี’59ฟัน198 ล.ขาดทุนยับ
คำวินิจฉัยผู้พิพากษาฯชำแหละเส้นทางเงินคดีกรุงไทยโยง'พานทองแท้-มานพ'
เฉลยชื่อผู้รับเช็คจาก'เสี่ยวิชัย’คดีกรุงไทย-‘พานทองแท้-มานพ’อยู่ในข่าย?
ย้อนเส้นทางคดีฟอกเงินกรุงไทย!ชื่อ‘พานทองแท้-พวก’โผล่รับเช็ค-ไม่เอ่ยถึงมูลนิธิรัฐบุรุษฯ
หมายเหตุ : ภาพประกอบนายพานทองแท้จาก ไทยรัฐออนไลน์