ศาลฎีกาพิพากษาแก้โทษลดลง 1 ใน 4 เหลือคุก 9 เดือน รอลงโทษ 2 ปี ‘คุณหญิงจุวรรณ เมณฑกา’ คดีเบิกเงินจัดสัมมนาเท็จ จ.น่าน ตั้งแต่ปี’46
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2562 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี นักอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และนายคัมภีร์ สมใจ อดีต ผอ.สำนักบริหารงานและทรัพยากรบุคคล สตง. เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีที่จัดให้มีการสัมมนา ที่ จ.น่าน วันที่ 31 ต.ค.2546 ทั้งที่ไม่ได้มีการสัมมนากันจริง แต่จัดสัมมนาเพื่อให้ข้าราชการที่มีรายชื่อเข้ารับการสัมมนานั้น ได้ไปร่วมงานถวายผ้าพระกฐินพระราชทานที่จัดขึ้นในวันเดียวกันแล้วให้เบิกค่าเดินทาง ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในงบเดียวกัน 294,440 บาท ทำให้ สตง. เสียหาย
โดยคุณหญิงจารุวรรณ จำเลยที่ 1 มาศาล มีครอบครัวและกลุ่มญาติมาให้กำลังใจร่วมลุ้นผลคำพิพากษาด้วย ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตหัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูปมาร่วมติดตามฟังคำพิพากษาด้วยเช่นกัน ขณะที่นายคัมภีร์ จำเลยที่ 2 เสียชีวิตแล้ว ศาลฎีกามีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ศาลฎีกาเห็นว่า พฤติการณ์ตามทางนำสืบ ก็ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้รับทราบอยู่แล้ว ว่าการจัดสัมมนานั้นเป็นเวลาทับซ้อนกับช่วงเวลา ที่จะเดินทางไปถวาย ผ้าพระกฐินพระราชทานและผ้ากฐินสามัคคีที่วัดในจังหวัดน่าน 3 แห่ง โดยที่การจัดสัมมนานั้นก็จัดในสถานที่และสิ่งแวดล้อมที่ไม่ได้เป็นไปตามคำนิยามของการสัมมนาระเบียบการคลังซึ่งไม่สามารถเบิก เงินที่เป็นค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายได้ จำเลยที่ 1 จะอ้างว่าในการจัดทำโครงการดังกล่าวมีเงินคืนหลวงนับแสนบาทนั้นก็ไม่อาจลบล้าง ความผิดที่ ได้มีการเบิกจ่ายเงินซึ่งไม่มีสิทธิ์ได้ ดังนั้นการกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ตามฟ้อง ฎีกาที่จำเลยต่อสู้คดีนั้นฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่ฎีกาจำเลยที่ 1 ขอให้รอการลงโทษนั้นศาลพิเคราะห์พิการแล้วเห็นว่า ระหว่างปฏิบัติหน้าที่นั้น จำเลยที่ 1 ก็ไม่เคยถูกลงโทษทางวินัย และได้เคยประกอบคุณงามความดี ขนาดที่พฤติการณ์ความผิดนี้แม้จะเกี่ยวข้องกับจริยธรรมคุณธรรมของเจ้าพนักงานด้วยแต่เมื่อเห็นว่าการเบิกจ่ายเงินนั้น จำเลยที่ 1 ก็ไม่ได้นำไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวของตนเองอีกครั้ง จำนวนเงินในคดีนี้ก็มีจำนวนไม่มาก กับเป็นการกระทำความผิดครั้งแรกจึงสมควรให้โอกาสจำเลย ในการรอการลงโทษไว้ แต่เห็นควรให้เพิ่มการลงโทษปรับ จำเลยที่ 1 ด้วย
จึงพิพากษาแก้เป็นว่า คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาจึงเห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกเป็นเวลา 9 เดือน โดยโทษปรับจำนวน 20,000 บาทนั้น เมื่อลดโทษ 1 ใน 4 แล้วคงปรับเป็นเงิน 15,000 บาท โดยโทษจำคุกนั้นให้รอการลงโทษเป็นเวลา 2 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีดังกล่าวศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2558 ว่าจำเลยทั้งสอง มีความผิดตามมาตรา 157 ให้จำคุกคนละ 2 ปี โดยไม่รอการลงโทษ จากนั้นคุณหญิงจารุวรรณ และนายคัมภีร์ ได้ยื่นสมุดบัญชีเงินฝากคนละ 200,000 บาท ขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี
ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาเมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2560 เห็นว่า การจัดและอนุมัติโครงการสัมมนากระทำไป เพื่อให้ข้าราชการ สตง. ไปร่วมการถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน และการทอดผ้ากฐินสามัคคี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายด้วยตัวเอง แต่เบิกจ่ายงบประมาณ สตง. ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของส่วนราชการ พ.ศ.2545 โดยไม่มีการสัมมนาที่แท้จริง จึงเป็นการเบิกจ่ายโดยไม่มีสิทธิ ทำให้ สตง. เสียหาย โดยจำเลยทั้งสองร่วมรู้เห็นตั้งแต่ต้น จึงเป็นความผิด ตาม ม.157
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ :
เลื่อนอ่านฎีกา'คุณหญิงเป็ด'คดีจัดสัมมนาเท็จ เหตุจำเลยอีกรายป่วย-นัดใหม่ 22 เม.ย.
ศาลอุทธรณ์ พิพากษาจำคุก 1 ปี คุณหญิงจารุวรรณ-พวก คดีจัดสัมมนาเท็จ