ก.มหาดไทย แจ้ง สตง. สั่งดำเนินการทางวินัยหาตัวคนรับผิดชอบชดใช้เงิน 192.62 ล. กรณีปรับลดเงินสัญญาสัมปทานรังนกอีแอ่น อบจ.พังงา เกินกว่าความเป็นจริง จาก 490 ล้าน เหลือ 246 ล้าน ตามที่บริษัทเอกชนร้องขอ ทำให้ราชการเสียหาย
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงมหาดไทย ได้มีหนังสือถึงสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อแจ้งผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะ กรณีการตรวจสอบสัญญาสัมปทานรังนกอีแอ่นจังหวัดพังงา ของ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พังงา พบว่ามีการปรับลดสัญญาสัมปทานรังนกอีกแอ่นกว่าเกินความเป็นจริง ทำให้ราชการได้รับความเสียหาย เป็นเงิน 192.62 ล้านบาท
โดยล่าสุด กระทรวงมหาดไทย ได้แจ้งหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการทางวินัยกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการให้มีการชดใช้เงินแก่ อบจ.พังงา แล้ว
สำหรับการตรวจสอบกรณีนี้ มีจุดเริ่มต้นมาจาก สตง. ได้ทำการตรวจสอบสัญญาสัมปทานรังนกอีแอ่นจังหวัดพังงา ลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2551 ของ อบจ.พังงา พบว่า คณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บอากรรังนกอีแอ่นจังหวัดพังงา ปฏิบัติหน้าที่ในการปรับลดวงเงินสัมปทานตามพระราชบัญญัติอากรรังนกอีแอ่น พ.ศ. 2540 มาตรา 7 พิจารณาสัญญาสัมปทานรังนกอีแอ่นจังหวัดพังงา ฉบับดังกล่าว
โดยปรับลดสัญญาสัมปทานรังนกอีแอ่นเกินกว่าความเป็นจริง เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ใช้ความระมัดระวังและรักษาผลประโยชน์ของทางราชคาร ทำให้ทางราชการได้รับความเสียหาย เป็นเงิน 192.62 ล้านบาท
เบื้องต้น หน่วยรับตรวจได้ชี้แจงว่า คณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บอากรรังนกอีแอ่นจังหวัดพังงาได้พิจารณาปรับลดค่าสัมปทาน โดยนำข้อมูลปริมาณรังนก 3 เกาะจาก 3 แหล่ง คือ สถิติในการจัดเก็บรังนกในแต่ละปีของสัมปทานครั้งก่อน ได้เฉลี่ยปีละ 31,28 กิโลกรัม ข้อมูลจากบันทึกถ้อยคำของผู้ที่เคยรับจ้างเก็บเก็บได้ปีละ 1,245 กิโลกรัม และข้อมูลการจัดเก็บจากบริษัทผู้รับสัมปทานเก็บได้ปีละ 930 กิโลกรัม ซึ่งเห็นว่าแตกต่างกันมาก เนื่องจากปริมาณรังนกจะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ การเคลื่อนย้ายที่อยู่ของนกอีแอ่น และเมื่อได้รับการชี้แจงในที่ประชุมจากบริษัทผู้รับสัมปทาน เพื่อความเป็นธรรมและเมื่อปรับลดแล้วค่าสัมปทานใกล้เคียงกับสัมปทานครั้งก่อน จึงมีมติปรับลดสัญญาจาก 490 ล้านบาท ลงเหลือ 246 ล้านบาท ตามที่ผู้รับสัมปทานร้องขอ
ขณะที่ สตง. พิจารณาแล้วเห็นว่า ขอชี้แจงจากหน่วยรับตรวจดังกล่าว คือ ปริมาณรังนก 3 เกาะ จำนวน 930 กิโลกรัม ที่บริษัทฯ เรียกร้องค่าเสียหายนั้น ขัดแย้งกับสถิติการจัดเก็บทั้งหมด 34 เกาะ รวม 1,200 กิโลกรัม เป็นการร้องเรียกเกินจากข้อเท็จจริง
แต่คณะกรรมการฯ กลับนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้เป็นเกณฑ์ในการปรับลด ซึ่งเพื่อความเป็นธรรมและถูกต้อง ควรใช้สถิติการจัดเก็บรังนก ระหว่างปี พ.ศ. 2539-2550 เฉลี่ยปีละ 23.10 กิโลกรัมในการพิจารณา ดังนั้น การปรับลดสัญญาสัมปทานดังกล่าวของคณะกรรมการฯ จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ใช้ความระมัดระวังและรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ
สตง. จึงได้แจ้งผลการตรวจสอบและข้อเสนอแนะ ให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย ดำเนินการให้มีการชดใช้ค่าเสียหาย แก่ อบจ.พังงา เป็นเงินจำนวน 192.62 ล้านบาท และดำเนินการทางวินัยกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง จนกระทั่งกระทรวงมหาดไทย ได้มีหนังสือแจ้งผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ สตง. ว่าได้แจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานที่รับผิดชอบพิจารณาดำเนินการทางวินัยและดำเนินการเพื่อให้มีการชดใช้เงินแก่อบจ.พังงาแล้วดังกล่าว
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/