
ปปง.ตามยึดอายัดเงิน 31 รายการ 46.7 ล. กลุ่ม เอื้ออังกูร พวก 31 คน ฉ้อโกงเปิดเฟซฯหลอกลงทุนเทรดหุ้นให้ผลตอบแทนสูง มีผู้ถือครองทรัพย์นับสิบคน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 คณะกรรมการธุรกรรม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้มีมติเห็นชอบในคำสั่งที่ ย. 296/2568 เรื่อง ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว ในรายคดี นายเอื้ออังกูร กับพวก ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดเกี่ยวกับการเป็นสมาชิกอั้งยี่ และความผิดฐานฟอกเงิน หลังพบพฤติกรรมหลอกลวงให้ประชาชนลงทุนเทรดหุ้นผ่านแพลตฟอร์มปลอม
ทรัพย์สินที่ ปปง. มีคำสั่งยึดและอายัด จำนวน 31 รายการ รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้นประมาณ 46,721,636.80 บาท
มีรายละเอียดดังนี้
ด้วยคณะกรรมการธุรกรรม ในการประชุมครั้งที่ 12/2568 เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 และคำสั่งเลขาธิการ ปปง. ที่ ม.754/2568 ได้มอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของนายเอื้ออังกูร กับพวก จากรายงานของกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พบว่าเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2567 กลุ่มคนร้ายได้ใช้เพจเฟซบุ๊กสาธารณะชักชวนผู้เสียหายให้เข้าร่วมกลุ่มไลน์ชื่อ 'กลยุทธ์การลงทุน'
พฤติการณ์คือกลุ่มคนร้ายจะคอยอัปเดตข้อมูลการลงทุนและผลกำไรปลอมเพื่อจูงใจ จนผู้เสียหายหลงเชื่อเข้าลงทุนผ่านแอปพลิเคชันซึ่งไม่สามารถลงทุนได้จริง โดยวิธีการโอนเงินจะให้ผู้เสียหายติดต่อผ่านไลน์ออฟฟิเชียล (LINE OFFICIAL) เพื่อโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของกลุ่มคนร้าย จากการสืบสวนเส้นทางการเงินพบว่ามีการโอนเงินต่อกันเป็นทอด ๆ และเปลี่ยนสภาพเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ก่อนจะขายคืนเป็นเงินสดเพื่อซุกซ่อนปกปิดแหล่งที่มา อันเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน
ต่อมาพนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้อง นายเอื้ออังกูร กับพวก รวม 31 คน ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, นำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งจากการรวบรวมพยานหลักฐานพบว่าบุคคลดังกล่าวได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดจำนวนหลายรายการ
อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 คณะกรรมการธุรกรรมจึงมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว จำนวน 31 รายการ พร้อมดอกผล มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2568 ถึงวันที่ 1 มีนาคม 2569 โดยมีรายการทรัพย์สินที่สำคัญ ได้แก่ เงินสดรวมกว่า 46.1 ล้านบาท และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคารชื่อบุคคลและนิติบุคคลต่างๆ ปรากฏตามบัญชีทรัพย์สินแนบท้ายคำสั่งนี้





Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา