
รัฐบาลถอดบทเรียนมหาอุทกภัยหาดใหญ่ ตั้ง 5 อนุกรรมการปูพรมแก้ปัญหาครบวงจร ตั้งแต่การเตือนภัยจนถึงเยียวยา พร้อมดึง AI วิเคราะห์ข้อมูล เล็งคุย สตง. ปลดล็อกระเบียบจัดซื้อจัดจ้างยามฉุกเฉิน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2568 นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะกรรมการถอดบทเรียนและเตรียมความพร้อมรับมือมหาอุทกภัย ครั้งที่ 1/2568 ว่า การประชุมครั้งนี้มีเป้าหมายสำคัญเพื่อสร้างระบบที่ทำให้ประชาชนมั่นใจ โดยเฉพาะชาวหาดใหญ่ที่ต้อง "นอนหลับ" ได้อย่างสบายใจในปีหน้า และต้องไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิม ซึ่งหากโมเดลการถอดบทเรียนครั้งนี้ประสบความสำเร็จ จะถูกนำไปปรับใช้กับพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป
โดยคณะกรรมการฯ ได้มีมติจัดตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนงาน 5 คณะ เพื่อครอบคลุมทุกมิติของการจัดการภัยพิบัติ ได้แก่
-
ด้านการเตรียมความพร้อม (เลขาธิการ สทนช. เป็นประธาน) เน้นเรื่องพยากรณ์อากาศและการเตือนภัยที่แม่นยำ
-
ด้านป้องกันและลดผลกระทบ (ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน) ดูแลแผนอพยพ ระบบสาธารณสุข สาธารณูปโภค และระบบสื่อสารสำรอง (Backup) ไม่ให้ล่มเมื่อเกิดภัย
-
ด้านภาวะฉุกเฉิน (ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน) เน้นการระดมทรัพยากรช่วยเหลือและกู้ภัย
-
ด้านการจัดการหลังเกิดภัย (ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัด มท. เป็นประธาน) ดูแลการเยียวยา ฟื้นฟูเมือง และสุขภาพจิต
-
ด้านการประสานงานและเทคโนโลยี (นายบวรศักดิ์ ดูแลเอง) มุ่งเน้นการใช้ AI และสร้าง "แพลตฟอร์มกลาง" เพื่อรวมข้อมูลทั้งหมดไว้ที่เดียว ป้องกันความสับสนจากการใช้หลายแอปพลิเคชัน
@เร่งลงพื้นที่-แก้ปมกฎหมายที่เป็นอุปสรรค
นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ในวันที่ 6 ธ.ค. นี้ ตนพร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อดูสภาพพื้นที่จริง โดยตั้งเป้าให้การถอดบทเรียนเสร็จสิ้นภายใน 3 เดือน เพื่อเสนอ ครม. เป็นแผนรับมือในอนาคต
นอกจากนี้ ยังเตรียมหารือกับผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ในวันที่ 8 ธ.ค. เพื่อทำความเข้าใจเรื่องการทำงานในภาวะวิกฤต โดยมองว่าหากเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยความสุจริต ไม่ควรนำระเบียบปกติมาจับผิดจนเจ้าหน้าที่ไม่กล้าทำงาน รวมถึงแนวคิดการแก้กฎหมายเพื่อยกเว้นระเบียบจัดซื้อจัดจ้างบางประการในยามฉุกเฉิน เพื่อความคล่องตัว
"เราต้องถอดบทเรียนว่าทำไมไม่มีการซ้อม ทำไมจุดอพยพไม่ชัดเจน จนประชาชนสับสน หรือการที่ประชาชนไม่อพยพเพราะห่วงทรัพย์สิน รัฐก็ต้องสร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัย" นายบวรศักดิ์ กล่าว
@แนะเลิกนับศพ-หันมาดูประสิทธิภาพระบบ
ด้านนายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการถอดบทเรียนฯ เสนอแนะว่า ไทยควรดูตัวอย่างจากญี่ปุ่นที่มีการออก "สมุดปกขาว" สรุปบทเรียนทุกครั้งที่เกิดภัยพิบัติ และขอให้สังคมเลิกตั้งคำถามเพียงแค่จำนวนผู้เสียชีวิต แต่ควรตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของระบบ เช่น การเตือนภัยล่วงหน้า 5 ชั่วโมงทำได้จริงหรือไม่ หากไม่ได้เป็นเพราะข้อมูลหรืออุปกรณ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือเนื้องานที่ต้องแก้ไข
ขณะที่นายเสรี ศุภราทิตย์ กรรมการฯ อีกท่าน ระบุว่า อนุกรรมการแต่ละชุดจะต้องไปตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานเดิมที่มีอยู่ เช่น คลอง ร.1 ว่ายังมีประสิทธิภาพเพียงพอหรือไม่ หรือมีจุดไหนที่เป็นช่องว่างต้องอุดรอยรั่ว
@นายกฯ ชี้ ไทยมีกฎหมายแต่ขาดการบังคับใช้
ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ซึ่งเดินทางมาเป็นประธานการประชุมในช่วงสาย ได้กล่าวย้ำว่า ประเทศไทยมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องครบถ้วน ทั้งกฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉิน ป้องกันภัยพลเรือน และทรัพยากรน้ำ แต่ปัญหาคือเมื่อเกิดเหตุวิกฤต โครงสร้างการสั่งการกลับไม่เป็นไปตามที่ควรจะเป็น ดังนั้น การประชุมครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่เป็นการวางระบบเพื่ออนาคต เพื่อให้มีคู่มือปฏิบัติงานที่ชัดเจนสำหรับทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา