
นายกฯแถลง ‘ธรรมนัส’ มีอำนาจสั่งการเสมือน ‘นายกฯ’ ‘พิพัฒน์-โสภณ-สันติ’ เสริมทีมรายจังหวัด ขอประชาชนฟังศป.กฉ.แถลงเป็นหลัก ‘เอกนิติ’ เตรียมแพ็คเกจเศรษฐกิจขยายวงเงินทดลองราชการผู้ว่าฯเป็น 100 ล้าน หารือสถาบันการเงินคลอดมาตรการพักหนี้ ‘ตรีนุช’ สั่งประกันสังคมจ่ายค่าจ้าง 50% ลูกจ้างกว่า 200,000 คนที่ได้รับผลกระทบ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงผลประชุมบูรณาการการช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ว่า ได้เร่งการตั้งกรอบการให้ความช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูเหตุที่เกิดขึ้น อำเภอหาดใหญ่จังหวัดสงขลา และจังหวัดใกล้เคียงที่ประสบภัยจากน้ำท่วม การที่มาประชุม เพื่อจัดสรรกรอบงบประมาณและเชื่อมโยงเครือข่ายทรัพยากร การสื่อสารให้ไปในทิศทางเดียวกัน การดำเนินการตอนนี้ เป็นภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน มีการยกเว้นระเบียบต่างๆ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน
นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า การมาที่กระทรวงการคลัง เพื่อเน้นเรื่องการเยียวยาและให้ความช่วยเหลือทางด้านเศรษฐกิจให้กับผู้ประสบความเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือนิติบุคคล ส่วนเรื่องการให้ความช่วยเหลือในส่วนความปลอดภัย ชีวิตการดำรงชีพของประชาชนในขณะที่เกิดเหตุนั้น ได้เดินทางลงในพื้นที่เกิดเหตุอยู่ตลอดเวลาได้มีการประสานงานกับฝ่ายปกครองฝ่ายตำรวจ ทหาร ฝ่ายความมั่นคงต่างๆ ซึ่งตอนนี้ในพื้นที่ได้มีการระดมสรรพกำลังทรัพยากรทุกอย่างลงในพื้นที่ โดยมีผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) อำนวยการอยู่ในพื้นที่อย่างเรียบร้อย แล้ววันนี้เป็นการจัดงบประมาณในการช่วยเหลือ ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดีจากทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) สำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานต่างๆ เช่น คปภ.เรื่องประกันภัยที่จะต้องดูแลเรื่องจ่ายค่าประกันภัยความเสียหายต่างๆ ให้กับประชาชนในพื้นที่เกิดเหตุ โดยเน้นให้การดำเนินการเหล่านี้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ จะมีมาตรการช่วยเหลือด้านการเงิน ลดหย่อนภาษี พักชำระหนี้การให้สินเชื่อที่ไม่มีดอกเบี้ย เพื่อซ่อมแซมบ้านเรือนร้านค้า ฟื้นฟู และลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนในในพื้นที่เกิดเหตุให้ดำรงชีวิตต่อไป โดยที่ประชุมขอบคุณกระทรวงแรงงานในการให้ความร่วมมือช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
@ไม่นิ่งนอนใจ ‘ธรรมนัส’ มีอำนาจสั่งการเสมือน ‘นายกฯ’
นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจและได้ใช้เวลาทุกวินาทีในการเร่งดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่กำลังประสบภัยอยู่ และในขณะนี้ได้ขอให้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งทั้งสองท่านได้ประจำในที่เกิดเหตุมาหลายวันแล้ว และได้มีการสั่งการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและดำเนินการทำให้ระดับน้ำลดลงให้เร็วที่สุด พร้อมทั้งสั่งการให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ และได้รับทราบมาว่าสถานการณ์ในพื้นที่กำลังคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวด้วยว่า ได้ออกคำสั่งให้รองนายกรัฐมนตรีแต่ละท่านรับผิดชอบในเขตจังหวัดที่เกิดน้ำท่วมในปัจจุบันนี้ โดยสรุปคือ ร้อยเอกธรรมนัส จะสามารถสั่งการเปรียบเสมือนเป็นนายกรัฐมนตรี และดำเนินการตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีในพื้นที่จังหวัดสงขลา ขณะที่นายพิพัฒน์ นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี และ นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลแต่ละจังหวัด ก็สามารถสั่งการในนามรัฐบาลหรือสั่งการในนามของนายกรัฐมนตรีได้เลย เพียงแต่ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลานั้น ได้ประกาศเป็นพื้นที่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยตรงนั้นจะมีการดำเนินการบูรณาการอย่างเต็มที่

@ขอให้ยึดศป.กฉ.แถลงเป็นหลัก
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องระบบสาธารณสุขได้ให้ นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รับมอบหมาย ดำเนินการให้เกิดความมั่นใจว่าการให้บริการคนไข้ในโรงพยาบาล และในพื้นที่เกิดเหตุ และการสนับสนุนโรงพยาบาลพื้นที่ใกล้เคียงตลอดจนเตรียมความพร้อมในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ถ้ามีความจำเป็นซึ่งบุคลากรทางด้านสาธารณสุข ทุกๆ ท่าน มีประสบการณ์ ผ่านการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้มาแล้ว ขอให้พี่น้องประชาชนมีความมั่นใจ และขอให้ได้รับฟังข้อมูลจากการแถลงของ ศป.กฉ. ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัยในทุกๆ วัน เพื่อที่จะสื่อสารที่ถูกต้อง ซึ่งสถานการณ์นี้เหมือนตอนเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด ถ้าไปรับฟังข่าวสารต่างๆ จากช่องทางอื่นๆ ก็จะมีความสับสน ขอให้ยึดข้อมูลที่ ศป.กฉ.แถลงทุกวัน โดยจะแถลงทั้งช่วงเช้าและบ่ายเพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูลสถานการณ์มากที่สุด นี่คือ การเยียวยาทางด้านเศรษฐกิจด้านการเงินด้านงบประมาณ
ทั้งนี้ ในส่วนการดูแลประชาชนโดยใกล้ชิดเราดำเนินการมาตั้งแต่วันเกิดเหตุแล้วและจะดำเนินการต่อไป ซึ่งมีการประสานงานอยู่ตลอดเวลา ตนจะให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยลงไปดำเนินการบังคับบัญชาสถานการณ์ร่วมกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดในพื้นที่ที่เกิดเหตุเพื่อให้เกิดความคล่องตัวให้มากที่สุด
@ขยายวงเงินให้ผู้ว่าฯ 100 ล้านบาท-จ่อเสิร์ฟมาตรการพักหนี้ ดอก 0%
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จะมีการขยายวงเงินทดรองราชการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด จำนวน 100 ล้านบาท เพื่อใช้ดูแลประชาชนในพื้นที่ ส่วนการจัดซื้อจัดจ้างได้ออกหนังสือเวียนแนวปฏิบัติในการจัดซื้อจัดจ้างสามารถดำเนินการได้ทันทีภายใต้พระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงจะไม่เป็นอุปสรรคในการเบิกจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือประชาชน ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นจะต้องทำภายใต้ข้อจำกัด โดยกรมบัญชีกลางได้ออกระเบียบให้หน่วยราชการต่างๆ เรียบร้อยแล้วและนายกรัฐมนตรียังได้มอบหมายให้บูรณาการกับภาคส่วนใดต่างๆ เพื่อเตรียมเยียวยาหลังน้ำลดทันที ขณะเดียวกัน ได้เชิญเครือข่ายวายุภัค และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย. (คปภ.) เรื่องประกันรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมก็จะมีการเคลมที่เร็วและง่ายขึ้น ซึ่ง เลขาฯ คปภ.ได้ประสานกับสมาคมประกันประกันภัยและประกันชีวิต เพื่อเบิกจ่ายเงินได้ทันทีแค่ถ่ายรูปเคลมได้เลย ส่วนรายละเอียดจะมีการชี้แจงอีกครั้ง แต่หัวใจสำคัญคือนายกสั่งว่าเงินต้องลงทันที
ส่วนสถาบันการเงินได้พูดคุยกับสถาบันการของรัฐและสมาคมธนาคารไทย จะมี package ในการพักหนี้พักดอก สำหรับครัวเรือนที่เดือดร้อนทันที เพื่อไม่ให้เป็นภาระ นอกจากนั้น ยังมีสินเชื่อดอกเบี้ย 0% เพื่อเยียวยาฟื้นฟู ซึ่งระบบทั้งหมดจะต้องเตรียมให้พร้อมเพื่อให้เงินลงเร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแบงก์รัฐหรือเอกชน
นายเอกนิติ ยังกล่าวอีกว่า กระทรวงการคลังมีที่ราชพัสดุก็ได้ให้อธิบดีกรมธนารักษ์ลงพื้นที่ไปสำรวจ เป็นที่พักพิงช่วยเสริมสำหรับประชาชนที่ยังไม่สามารถเดินทางกลับที่พักตัวเองได้ เบื้องต้นมีอยู่ประมาณ 5-6 แห่ง ที่สามารถรองรับประชาชนได้

@ประกันสังคมควักจ่ายค่าจ้าง 50% ลูกจ้าง 200,000 รายในพื้นที่
นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า หลังจากเหตุการณ์อุทกภัย นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการด่วน ให้เร่งสำรวจโดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งทางเราได้ทราบตัวเลขจากกรมป้องกันสาธารณภัยและได้แจ้งตัวเลขว่ามีสถานประกอบการกว่า 10,000 แห่ง ได้รับผลกระทบครั้งนี้ ตลอดจนลูกจ้างเบื้องต้นประมาณ 200,000 ราย โดยตัวเลขอัปเดตวันที่ 26 พฤศจิกายน โดยนายกรัฐมนตรีสั่งการให้ดูแลทุกโครงการใดๆ ที่จะสามารถเร่งรัดเยียวยาและดูแลได้อย่างเร็วที่สุด ฉะนั้น วันนี้กระทรวงแรงงานในกลุ่มของผู้ใช้ประกันตนเรามีโครงการเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน เหตุสุดวิสัยภัยธรรมชาติโดยกรณีผู้ประกันตนประสบปัญหาไม่สามารถไปทำงานได้ กองทุนประกันสังคมจะดูแลจ่ายเงิน ค่าจ้างที่ไม่ได้ไปทำงานจาก 50% ของค่าจ้างรายวัน ที่ควรจะได้ แต่ห้วงเวลาไม่เกิน 6 เดือน ซึ่งคงจะ Cover ช่วงเวลาฟื้นฟูพอดี นอกจากนี้ ผู้ประกันตนใดๆ สามารถดำเนินการได้เลยทั้งประกันตนจังหวัด โดยผ่านเว็บไซต์ สามารถดาวน์โหลดของกรมประกันสังคมได้ ตลอดจนการฟื้นฟูซ่อมต่างๆกระทรวงแรงงานมีศูนย์ซ่อมสร้างในการที่จะดูแลเบื้องต้น หลังจากน้ำลด ที่จะดูแลซ่อมบ้านเรือน หรือพาหนะในเบื้องต้น ซึ่งมีศูนย์ดูแลได้ประสานงานเตรียมพร้อมตามที่นายกรัฐมนตรีได้ดำริไว้
นายอนันต์ แก้วกำเนิด ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ชี้แจงถึงงบประมาณในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ว่า นายกฯได้สั่งการมาแล้วในการเร่งเบิกจ่าย โดยการเยียวยา 9,000 บาท นายกฯ เห็นชอบแล้ว และพร้อมที่จะจ่ายให้กับประชาชนทันที ส่วนขั้นตอนการฟื้นฟู งบประมาณที่จะใช้หลังจากนั้น นายกฯ ก็ได้สั่งให้เตรียมการว่างบต้องพร้อม ซึ่งเราก็ประสานกับกระทรวงการคลัง ในการจัดซื้อจัดจ้าง และประสานกับกระทรวงมหาดไทย ตลอด ในการทำงานร่วมกัน เพื่อให้ค่าใช้จ่ายงบประมาณในการช่วยเหลือประชาชนมีประสิทธิภาพและเร็วที่สุด ขอยืนยันว่างบประมาณเราเตรียมพร้อมเรียบร้อย
ด้าน นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศป.กฉ. กล่าวว่า การปฏิบัติงานของศูนย์ ศป.กฉ. จะรวบรวมทั้งหมดก็เป็นนโยบายของภาครัฐ ในการช่วยเหลือเยียวยาฟื้นฟูทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวเพื่อประชาสัมพันธ์ผ่านทางศูนย์ฯในทุกวัน และจะมีการบูรณาการร่วมกันในของ 4 กระทรวง คือ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงดีอี รวมถึงจะมีการพูดคุยกับกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพิ่มเติมเพื่อดูแลสถานการณ์หลังจากน้ำเพื่อเยียวยาให้ประชาชนได้โดยเร็วที่สุด

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา