
สธ.เร่งส่ง 20 ผู้ป่วยวิกฤติทางอากาศ รพ.หาดใหญ่ ยืนยันไม่ปิดทำการ 'พัฒนา'สั่งตั้ง 7 รพ.สนาม รองรับ ปชช.เจ็บป่วย-ฟื้นฟูจิตใจชาวบ้านหลังน้ำลด พร้อมตรียมระบบบันทึกข้อมูลผู้เสียชีวิต
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2568 นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ กล่าวว่า ที่ประชุมมีการคุยกัน 3 เรื่องหลัก โดยเรื่องที่ 1 การขนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน ผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งเป็นการขนย้ายทางเฮลิคอปเตอร์ จากโรงพยาบาลหาดใหญ่ ไปยัง โรงพยาบาลใกล้เคียงอื่น เช่น โรงพยาบาลสงขลา โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หรือ มอ. ซึ่งที่ผ่านมาได้ทยอยขนย้ายผู้ป่วยไปจำนวนหนึ่งแล้ว ตอนนี้เหลือประมาณ 20 ราย ซึ่งวันนี้จะต้องขนย้ายให้ครบทุกราย
อย่างไรก็ตามในวันนี้ระดับน้ำภายใน โรงพยาบาลหาดใหญ่ เริ่มลดลงแล้ว ซึ่งรถยกสูงของหน่วยทหาร (GMC) สามารถเข้าบริเวณประตูด้านหลังของโรงพยาบาล ได้ ซึ่งสามารถลำเลียงขนส่งอาหารและเวชภัณฑ์ยาเข้าไปให้ภายในโรงพยาบาลหาดใหญ่ เพราะขณะนี้ยังมีผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว สีเหลือง ราวๆ 500 กว่าราย รวมถึงญาติและบุคลากรทางการแพทย์ อีกหลายร้อยราย ยังอยู่ภายใน โรงพยาบาลหาดใหญ่ ทั้งนี้ ถังบรรจุออกซิเจนสำหรับผู้ป่วยที่อยู่ใน โรงพยาบาลหาดใหญ่ คาดว่าจะเพียงพอจนถึงประมาณ 48 ชั่วโมง
นายพัฒนา กล่าวว่า เรื่องที่ 2 การจัดตั้ง โรงพยาบาลสนาม ขนาด 50 เตียง ในพื้นที่ใกล้เคียงรวม 7 แห่ง ซึ่งมอบหมายให้ทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลต่างๆ เป็นผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสนาม เพื่อง่ายต่อการบริหารจัดการ โดย โรงพยาบาลสนาม ทั้ง 7 แห่ง ดังนี้ 1.โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ดูแล โรงพยาบาลสนามเทศบาลคลองเรียน 2.โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ดูแล โรงพยาบาลสนามหาดใหญ่ 3.โรงพยาบาลตรัง ดูแล โรงพยาบาลสนามศาลาเทศบาลหาดใหญ่ 4.โรงพยาบาลยะลา ดูแล โรงพยาบาลสนามเทศบาลควนลัง 5.โรงพยาบาลพัทลุง ดูแล โรงพยาบาลสนามเทศบาลรัตภูมิ 6.โรงพยาบาลนราธิวาส ดูแล โรงพยาบาลสนามบริษัทหาดทิพย์ จำกัด และ 7.โรงพยาบาลสงขลา ดูแล โรงพยาบาลสนามสนามบินหาดใหญ่ ขณะที่ โรงพยาบาลสนาม ที่ มอ. จะมีกรมการแพทย์เป็นผู้บริหารจัดการ โดยคาดว่าภายในวันนี้จะสามารถจัดตั้ง โรงพยาบาลสนามได้ครบทุกแห่ง
“เรื่องที่ขอยืนยันคือ โรงพยาบาลหาดใหญ่ เราจะไม่ปิด เราจะพยายามรักษาเอาไว้ในลักษณะนี้ เมื่อน้ำเริ่มลดเราก็จะส่งกำลังบำรุงไปเพิ่มเติม ส่งเวชภัณฑ์เข้าไป โรงพยาบาลหาดใหญ่ ได้ เราจะพยายามกู้ โรงพยาบาลหาดใหญ่ ให้กลับมามีศักยภาพในการให้บริการประชาชน เพราะเป็น โรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพสูง ขณะที่ โรงพยาบาลสนาม ที่จัดตั้งขึ้นมา 7 แห่ง ก็จะสามารถรองรับผู้ป่วย ประชาชนที่ออกมาจากพื้นที่หลังน้ำลด” นายพัฒนา กล่าว
นายพัฒนา กล่าวต่อว่า เรื่องที่ 3 การฟื้นฟูระบบสาธารณสุข โดยกรมอนามัย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กรมการแพทย์ และ กรมควบคุมโรค โดยจะจัดส่งวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ไปในพื้นที่ รวมถึงเวชภัณฑ์ยาให้เพียงพอรองรับกับประชาชนที่จะเข้ามารับการบริการหลังน้ำลด นอกจากนั้น ได้เตรียมทีมแพทย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์เคลื่อนที่เร็ว (MERT) และ Mini MERT เพื่อเข้าไปในพื้นที่ที่เข้าได้ เพื่อประเมินสถานการณ์และส่งยารักษาต่างๆ รวมถึงการนำผู้ป่วยออกจากพื้นที่ประสบภัย และเตรียมทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (Mental Health Crisis Assessment and Treatment Team) หรือ MCATT จากกรมสุขภาพจิตเข้าไปในพื้นที่ด้วย
ทั้งนี้ ในพื้นที่ ทางผู้อํานวยการโรงพยาบาลและสาธารณสุขจังหวัดจะเป็นผู้ประเมินถึงความต้องการยาและเวชภัณฑ์ต่างๆ หากไม่เพียงพอสามารถที่จะทําเรื่องขอมายังส่วนกลางโดยทางส่วนกลางพร้อมสนับสนุนและจัดส่งให้ทันที
“ขอประชาสัมพันธ์ถึงกู้ภัย หน่วยกู้ชีพต่างๆว่า ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดเซ็ตทีมแบบนี้ สามารถเข้ามาเชื่อมโยงกับระบบสาธารณสุขได้ และสายด่วน 1669 ก็ยังเปิดสายและจะบัดดี้กับรพ.สนามต่างๆ ขอให้วางใจ และมั่นใจว่า ระบบสาธารณสุขของไทย พร้อมดูแลประชาชนอย่างเต็มที่” นายพัฒนา กล่าว
นายพัฒนา กล่าวถึงข้อกังวลในส่วนของจังหวัดอื่นๆที่ประสบภัยน้ำท่วม ว่า จังหวัดอื่นๆมีผู้ประสบภัยเช่นกัน โดยได้รับรายงานว่า ผู้ประสบภัยต่างๆ ถูกย้ายออกจากรพ.ที่มีปัญหา แต่ปัญหาต่างๆจะน้อยกว่า รพ.หาดใหญ่ ที่ถูกน้ำล้อมรอบ ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ทางบก และมีข้อจำกัดทางอากาศ แต่พื้นที่อื่นๆ ยังสามารถส่งกำลังบำรุงต่างๆ ได้ และ สสจ.ดูแลอยู่ หากมีปัญหาก็สามารถส่งเรื่องมาส่วนกลาง
ส่วนเรื่องของอาหาร นายพัฒนา กล่าวว่า จะบอกว่าไม่มีปัญหาเลยคงไม่ได้ แต่เริ่มคลี่คลาย เพราะการเข้าถึง อุปสรรคน้อยลง
นายพัฒนา กล่าวถึงประเด็นผู้เสียชีวิตในพื้นที่อุทกภัย ว่า มีการคาดการณ์ผลกระทบต่อเนื่องภายหลังน้ำลด ถึงกรณีผู้เสียชีวิตจึงมีการหารือถึงระบบการจัดเก็บข้อมูลการพิสูจน์อัตลักษณ์ โดยมอบหมายให้ ผอ.โรงพยาบาลสนามแต่ละแห่ง เตรียมพื้นที่รองรับร่างผู้เสียชีวิต เพื่อการดูแลอย่างมีมนุษยธรรม โดยมอบให้กองบริหารการสาธารณสุข (กบรส.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องนี้อย่างเหมาะสม

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา