
ปชป.ตั้งทีมเฉพาะกิจตรวจสอบสแกมเมอร์ ชี้ข้อพิรุธ บริษัททุน 330 บาท ซื้อหุ้น บ.ฟินันเซีย มูลค่า 693 ล. โยงอดี รมช.ถือหุ้น ย้ำเรื่องหุ้นบางจากโยง 'เบนจามิน-ยิมเลียก' จี้หน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 17 พ.ย. .ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงข่าวที่พรรค โดยมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อจัดการกับสแกมเมอร์ ภายใต้ชื่องาน''เปิดฟ้าใหม่ไล่เมฆเทา''
โดย ร.ต.อ.พงศกรกล่าวว่าขณะที่สหรัฐอเมริกากำลังออกร่างกฎหมายการต่อต้านสแกนเมอร์ และมีแบล็คลิสต์ 43 รายชื่อ ซึ่งหาก 43 คนดังกล่าว เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ก็จะต้องดำเนินการโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ประเทศไทยถูกตรวจสอบจากนานาชาติ และตกเป็นเป้าสายตานานาชาติเป็นแหล่งฟอกเงิน โดยยืนยันว่า ไม่ได้มุ่งหวังโจมตีทางการเมือง แต่เพื่อประโยชน์สาธารณะ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าจากการตรวจสอบของคณะทำงานพรรคประชาธิปัตย์ พบการกระทำต้องสงสัยของบุคคล เช่น นายยิม เลียก นักธุรกิจชาวกัมพูชา, นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ นักธุรกิจและล็อบบี้ยิสต์ รวมถึงยังเชื่อมโยง บริษัท และสถาบันการเงิน ทั้งในไทยและต่างประเทศ เช่น BIC BANK กัมพูชาและ BIC BANK ลาวที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย
โดยประเด็นหลักและข้อสงสัยที่พรรคประชาธิปัตย์นำเสนอมีดังนี้
1. การลงทุนของบริษัทพิลกริม ฟินันเซีย โฮลดิ้งส์ (Pilgrim Finanzia Investment Holdings จำกัด (PFH)
โดยบริษัทนี้มีทุนจดทะเบียนเพียง 330 บาท แต่เข้าซื้อหุ้นบริษัทฟินันเซีย ไซรัส Finansia Syrus ในเดือนธันวาคม 2564 มูลค่ากว่า 693 ล้านบาท และมีการแลกหุ้นเป็นหุ้นของบริษัท Finansia X โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ขณะนั้นเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการในรัฐบาลปัจจุบัน พฤติกรรมดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงการใช้เงินทุนภายนอกมหาศาล อาจเป็นการอำพรางแหล่งที่มาของเงินทุนที่แท้จริง
ทั้งนี้ PFH ต้องทำ Mandatory Tender Offer เพื่อซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมด ซึ่งต้องใช้เงินทุนมหาศาล จึงได้ขอวงเงินจาก BIC Bank ประเทศลาว คิดเป็นมูลค่า 1,687 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 125% ของวงเงินกองทุนของธนาคารสำหรับบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนเพียง 330 บาท ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าใครเป็นเจ้าของเงินทุนจำนวนมากนี้ และการปล่อยสินเชื่อเป็นไปอย่างสุจริตหรือไม่
2. ผู้ลงทุนในหุ้นเพิ่มทุน Finansia X ที่อาจเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์
ในปี 2567 Finansia X เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิมในราคาหุ้นละ 4.5 บาท พบว่ามีผู้ลงทุนรายใหญ่บางรายจองซื้อหุ้นทันที แม้ราคาเสนอขายจะสูงกว่าราคาตลาด ซึ่งผิดวิสัยนักลงทุนทั่วไป
ผู้ลงทุนเหล่านี้พบว่าเกี่ยวข้องกับผู้ที่มีชื่อในรายชื่อผู้กระทำความผิดฉ้อโกงของสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะ น.ส.แคทรียา บีเวอร์ ซึ่งใกล้ชิดกับนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ และยังพบชื่อธนาคาร BIC Bank กัมพูชาเป็นผู้ร่วมลงทุน
มีการจ่ายเงินลงทุนค่าหุ้นแพงกว่า 70% เมือเทียบกับราคาตลาด โดยไม่เปิดเผยกลุ่มผู้ได้รับอำนาจบริหารร่วมกัน ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของแหล่งเงินทุน
3. โครงสร้างการถือหุ้นที่อาจหลีกเลี่ยงข้อจำกัดทางกฎหมาย
Finansia X มีโครงสร้างธุรกิจและการถือหุ้นที่ซับซ้อน อาจเลี่ยงกฎหมายที่ห้ามกิจการลักษณะต่างด้าวเข้ามาดำเนินธุรกิจบางประเภทในประเทศไทย
โดบพฤติการณ์นี้ควรได้รับการตรวจสอบโดยละเอียดเพื่อดูว่ามีการฝ่าฝืนกฎหมายหลักทรัพย์และกฎหมายจำกัดการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวหรือไม่
4. ธุรกรรมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลที่ผิดสังเกต
เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2567 Finansia X ได้ขายบริษัทลูก คือ Finansia Digital Asset (FDA) ซึ่งทำธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดย FDA ได้เปลี่ยนชื่อเป็น S Coin จำกัด โดยปัจจุบันบริษัทแห่งนี้ชื่อว่าบริษัท ซูวานา ดิจิทัล แอสเซท จำกัด
ผู้ซื้อคือ บริษัท FDA คือบริษัท Vortex Venture จำกัด (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Suwanna Holding จำกัด) ซึ่งมีทุนจดทะเบียนเพียง 1 ล้านบาท และมูลค่าทุน 6 แสนบาท แต่กู้เงินสูงถึง 209 ล้านบาท (สัดส่วนหนี้ต่อทุนสูงถึง 200 เท่า)
บริษัทนี้จดทะเบียนเพียง 1 เดือนก่อนได้รับเงินกู้มหาศาล และสามารถซื้อ FDA ที่มีราคาสูงกว่ามูลค่าทางบัญชีกว่า 3 เท่า ซึ่งพฤติกรรมนี้ไม่สอดคล้องกับหลักการธุรกิจทั่วไป ทำให้สงสัยว่าอาจมีการโยกย้ายเงินหรือสินทรัพย์ที่ไม่โปร่งใส
5. การเชื่อมโยงกับนักการเมืองระดับสูงในอดีต
ผู้ถือหุ้นรายหนึ่งของ Finansia X มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอดีตรัฐมนตรีคนสำคัญในรัฐบาลที่แล้ว โดยผู้ถือหุ้นรายนี้เข้าถือหุ้นใน Finansia X ก่อนที่บริษัทจะได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษากองทุนสำคัญของรัฐบาลในภายหลังทำให้เกิดความสงสัยเกี่ยวกับการขัดกันแห่งผลประโยชน์และความไม่โปร่งใส
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรตรวจสอบความสัมพันธ์ของธุรกรรมดังกล่าว
6. การถือหุ้นในบริษัทอื่นที่เกี่ยวโยงกัน
จากการตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่าบุคคลใกล้ชิดนักการเมืองดังกล่าวถือหุ้นในตลาดหุ้นไทยเพียง 2 บริษัท คือ Finansia X และ Green Tech Venture จำกัด (มหาชน) ในบริษัท Green Tech Venture พบชื่อ น.ส.แคทรียา เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วย
การถือครองหุ้นข้ามบริษัทโดยคนกลุ่มเดิมทำให้เกิดข้อสงสัยที่ควรได้รับการตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน
7. ความเกี่ยวพันของนักลงทุนกลุ่มเดิมในหลายบริษัทพลังงาน
น.ส.แคทรียา บีเวอร์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสองของ BCPG (บริษัทพลังงานในเครือบางจาก) ในช่วงเดือนสิงหาคม 2565 และยังคงถือหุ้นในบางจาก (BCP) จนถึงปัจจุบัน
ในช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ของ BCPGพบบุคคลและนิติบุคคลหลายรายที่เชื่อมโยงกับรายชื่อในกฎหมายต่อต้านสแกมเมอร์ของสหรัฐอเมริกา เช่น บริษัท Capital Asia Investment ซึ่งมีผู้ถือหุ้นคือนายยิม เลียก
การปรากฏชื่อซ้ำของบุคคล/กลุ่มบุคคลเดิมที่เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ในหลายบริษัทจดทะเบียนในไทยเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงเชิงระบบของการใช้ตลาดทุนไทยเพื่อการฟอกเงิน
ในปี 2563 BCPG มีการเสนอขายหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง (PP) รวม 4,500 ล้านบาท ให้แก่บริษัทพิลกริม พาร์ทเนอร์เอเชีย (Pilgrim Partner Asia) และบริษัท Capital Asia Investment (CAI) ซึ่งต่อมาผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ CAI ได้แก่ นายยิม เลียก, BIC Bank กัมพูชา และ น.ส.แคทรียา บีเวอร์ การเพิ่มทุนครั้งนี้ต้องได้รับความเห็นชอบจากบางจาก (BCP) จึงควรสอบสวนผู้บริหารขณะนั้นว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่
8. การเข้าซื้อหุ้นมูลค่าสูงในระยะเวลาอันสั้นของบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนต่ำผิดปกติ
โดยบริษัท Alpha Charter Energy (ACE) เข้าซื้อหุ้นบริษัท บางจาก จำกัด (มหาชน) (BCP) คิดเป็น 20% ของหุ้นทั้งหมด มูลค่า 10,000 ล้านบาท ในระยะเวลาเพียง 3 สัปดาห์
บริษัท ACE มีทุนจดทะเบียนเพียง 50 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนหนี้ต่อทุนสูงถึง 200 เท่าการที่บริษัทนี้สามารถระดมทุนหรือกู้ยืมเงินจำนวนมหาศาลในระยะเวลาอันสั้น ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าแหล่งเงินทุนมีความโปร่งใสและถูกต้องหรือไม่

ร.ต.อ.พงศกรกล่าวทิ้งท้ายว่าพรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้หน่วยงานที่มีอำนาจ เช่นกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), และสำนักงานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมกันตรวจสอบเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ยุติธรรม และดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเร่งด่วนหากพบความผิดจริง โดยย้ำว่าการนำเสนอข้อมูลนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะและความเชื่อมั่นของตลาดทุนไทย ไม่ได้มีเจตนาจะกล่าวหาหรือตัดสินบุคคลใดเป็นการส่วนตัว

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา