
บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย เผย เบื้องหลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางคน วินิจฉัยให้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ โดยตรงจากประชาชนไม่ได้ ชี้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกินคำขอ เป็นเรื่องปกติ ยก พ.ร.ป.วิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ม.74 หลักการห้ามตัดสินเกินคำขอใช้ในกฎหมายแพ่ง-อาญา ใช้กับกฎหมายมหาชนไม่ได้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 16 ตุลาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงกรณีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยว่า สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มาจากประชาชนโดยตรงไม่ได้ ว่า ข้อที่หนึ่ง ที่วิจารณ์กันมากว่า ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกินคำร้อง ไม่ได้ถาม คำตอบ คือ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 74 เขียนไว้ชัดว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยได้
อ่านประกอบ : ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 1 ทำประชามติแก้ไขรธน. 3 ครั้ง
นายบวรศักดิ์กล่าวว่า มาตรา 74 บัญญัติว่า ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ คำวินิจฉัยของศาล หากมีความจำเป็นจะต้องบังคับให้เป็นไปตามคำวินิจฉัย ให้ศาลมีอำนาจกำหนดคำบังคับให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลไว้ในคำวินิจฉัยนั้น โดยศาลอาจกำหนดให้มีผลไปไปในอนาคตขณะใดขณะหนึ่งหลังวันอ่านคำวินิจฉัย หรือ อาจกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการในการบังคับอย่างหนึ่งอย่างใด ทั้งนี้ ตามความจำเป็นหรือสมควรตามความเป็นธรรมแห่งกรณี
“ถามว่า ศาลเคยออกแบบนี้ไหม หลายเรื่อง เพราะถ้าศาลวินิจฉัยและให้มีผลวันนั้นเลยก็จะเกิดปัญหา เช่น ศาลวินิจฉัยว่ากฎหมายทำแท้งขัดรัฐธรรมนูญ ถ้าวินิจฉัยวันนี้แล้วขัดรัฐธรรมนูญวันนี้ ทุกคนทำแท้งได้อย่างเสรี แต่ศาลจะบอกว่า จะขัดในอีก 1 ปีข้างหน้า เพื่อให้รัฐบาลมีการแก้ไขกฎหมายต่อไป”นายบวรศักดิ์กล่าว
นายบวรศักดิ์กล่าวว่า เพราะฉะนั้นที่ศาลวินิจฉัยว่า สสร.จะมาจากประชาชนโดยตรงไม่ได้ เป็นไปไปตามมาตรา 74 และในทางปฏิบัติของศาลรัฐธรรมนูญไทย รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญของต่างประเทศ เช่น เยอรมนี เพราะการที่วินิจฉัยว่ากฎหมายขัดรัฐธรรมนูญ หรือ การกระทำใดขัดรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่มีตัวบ่งชี้ว่า ผู้เกี่ยวข้องควรจะทำอย่างไรให้ถูก เพราะไปทำแล้วผิด เสียเวลา สร้างความเสียหาย
“ที่ไปวิจารณ์ศาลว่า ศาลตัดสินเกินคำขอ หลักห้ามตัดสินเกินคำขอตามความหมายในภาษาละติน (non ultra petita) ใช้ในกฎหมายแพ่ง กฎหมายอาญา ซึ่งเป็นเรื่องตัวบุคคล แต่จะมาใช้ในกฎหมายมหาชนไม่ได้ จึงไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า อดีตผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีกับอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ถึงแม้ว่าพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว แต่ศาลก็รับไว้วินิจฉัยให้เพราะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ศาลปกครองสูงสุดก็มีหลักเช่นเดียวกัน เพราะกฎหมายมหาชน เป็นกฎหมายคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ ไม่ใช่คุ้มครองสิทธิของใครคนเดียว จึงเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ”นายบวรศักดิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การตั้งสสร.จะเดินไปอย่างไรให้คนรู้สึกว่ายึดโยงกับการมีส่วนร่วมอยู่ นายบวรศักดิ์กล่าวว่า มีหลายทาง เช่น โดยการเลือกตั้งโดยอ้อม
“ผมก็ถามตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางท่านที่เป็นนักวิชาการบางท่าน เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน บอกว่า ศาลกลัวว่า ถ้าให้ประชาชนเลือกตรง เดี๋ยวรัฐธรรมนูญจะกลายเป็นกฎหมายป่าไม้ กฎหมายชลประทาน กฎหมายที่ดิน ซึ่งมันคงจะไม่ดีเท่าไหร่ ที่ว่า รัฐธรรมนูญของไทยจะไม่เหมือนบ้านเมืองอื่นเขา เป็นเหตุผลของศาล ก็ต้องไปสัมภาษณ์ศาล ทำไมวินิจฉัยแบบนั้น ซึ่งเมื่อวินิจฉัยแล้วก็ผูกพันทุกองค์กร ก็ต้องเลี่ยงไม่ให้ผิดคำวินิจฉัย”นายบวรศักดิ์กล่าว

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา