
‘วิโรจน์’ แฉขบวนการเข้าซื้อหุ้นบางจาก โยงเครือข่าย ‘เบนจามิน’ เข้าซื้อหลายบริษัทในไทย หวั่นเป็นช่องเอื้อใช้บางจากฟอกเงินสกปรก ด้าน ‘วรภัคร’ แจงขายหุ้นฟิแนนเซีย ไม่เกี่ยวทุนสิงคโปร์
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ในระหว่างการอภิปรายนโยบายของรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกุล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชนได้อภิปรายในประเด็นเรื่องของความไม่ชอบมาพากลในการซื้อหุ้นบริษัทบางจาก โดยสรุปเนื้อหาว่าการอภิปรายนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเปิดเผยข้อสงสัยเกี่ยวกับการแทรกซึมของ "ทุนเทาข้ามชาติ" เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ การเงิน และการเมืองของประเทศไทย โดยใช้กลไกการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์และธุรกิจเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่มบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมไซเบอร์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการฟอกเงิน โดยเฉพาะจากประเทศกัมพูชา ผู้พูดเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งตรวจสอบและออกมาตรการป้องกันอย่างจริงจังเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติและประชาชน
นายวิโรจน์กล่าวว่าสำนักข่าวเอเชีย เซนติเนล ของสิงคโปร์ได้รายงานข่าวว่าในปี 2567 กองทุนลึกลับพยายามซื้อหุ้นบางจาก 14.18% จากกองทุนประกันสังคม มูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท แต่ไม่ยอมเปิดเผยตัวตนผู้ซื้อจริง แม้คณะะกรรมการของผู้กระกันตน กองทุนประกันสังคมจะสอบถามไปกี่ครั้งก็ตาม
ต่อมาปรากฎข่าวว่ากองทุน Capital Asia Investment (CAI) จากสิงคโปร์เข้าถือหุ้นบางจาก 14% และรีบขาย 9% ให้บริษัท Alpha Charter Energy (ACE) ซึ่งเพิ่งก่อตั้งในปีเดียวกัน ต่อมาบริษัท ACE ไล่ซื้อหุ้นบางจากเพิ่มจนถึง 20% (มูลค่า 10,000 ล้านบาท) ทั้งที่มีทุนจดทะเบียนเพียง 50 ล้านบาท ทำให้ส่วนตัวต้องมาตั้งคำถามถึงแหล่งเงินทุนดังกล่าว
นายวิโรจน์กล่าวต่อไปว่า ธุรกรรมเหล่านี้เชื่อมโยงกับนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ (หรือ เบน สมิธ) ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา กลุ่มทุนธนาคารในกัมพูชา รวมถึงมีรายงานข่าวในสำนักข่าวอิศราว่าปรากฎภาพร่วมกับนักการเมืองใหญ่ของไทยหลายคน เช่น นายทักษิณ ชินวัตร และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งยอมรับว่าอยู่ในภาพถ่ายร่วมกันจริง และที่น่าสนใจก็คือ หนึ่งในผู้จัดการกองทุน CAI ก็คือ น.ส.แคทรียา บีเวอร์ ภรรยาของนายเมาเออร์เบอร์เกอร์
นายวิโรจน์กล่าวอีกว่านายเมาเออร์เบอร์เกอร์ยังถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การหลอกลวงออนไลน์ และอาชญากรรมไซเบอร์ ซึ่งมีฐานปฏิบัติการขนาดใหญ่ในกัมพูชา มีมูลค่าสูงถึง 12,900 – 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (400,000 – 600,000 ล้านบาทไทย) ขณะที่ประเทศไทยเองได้รับความเสียหายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมไซเบอร์สูงถึง 115,300 ล้านบาทต่อปี และการพนันออนไลน์อีก 20,000 ล้านบาทต่อปี รวมความเสียหาย 135,000 ล้านบาทต่อปี

แผนภูมิของนายวิโรจน์เผยช่องทางการซื้อหุ้นในบริษัทไทย
สส.พรรคประชาชนกล่าวต่อไปว่าสำหรับนายเมาเออร์เบอร์เกอร์นั้น พบว่าเป็นที่ปรึกษาของฮุน เซน และมีความเชื่อมโยงกับนายยิม เลียก ซึ่งเป็นประธานกรรมการ BIC Group กลุ่มทุนการเงินขนาดใหญ่ของกัมพูชา กลุ่ม BIC Group ยังเคยแอบอ้างชื่อนายวรภัคร ธัญวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการฯ ซึ่งนายวรภัครปฏิเสธเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ส่วนตัวก็ขอให้นายวรภัครเดินหน้าฟ้องตามกฎหมายคอมพิวเตอร์เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจไปเลย
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่าบริษัท Alpha Global (ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ACE) ตั้งอยู่ในที่ตั้งและชั้นเดียวกันกับสำนักงาน BIC Group ในประเทศไทย และบริษัท Apex Equity Venture ของน.ส.แคทรียา บีเวอร์ ภรรยา คือ ชั้น 28 อาคารเกษรทาวเวอร์
นายวิโรจน์กล่าวต่อไปว่าสำหรับกรณีที่นายเมาเอร์เบอร์เกอร์พยายามจะขอสัญชาติไทย แต่นายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่อนุญาตนั้น ปรากฎข้อมูลว่าผู้รับรองประวัตินายเมาเออร์เบอร์เกอร์คือนายวรา สุจริตกุล รองประธานกรรมการ บมจ.ฟินันเซีย เอ็กซ์ ซึ่ง บมจ.ฟินันเซีย เอ็กซ์ เคยถูกบริษัท พิลกริม ฟิแนนเซียของนายวรภัคร (อดีตผู้ถือหุ้นใหญ่) ซื้อหุ้นและขายหุ้นให้กับกองทุน CAI ที่มีแคทรียา บีเวอร์ เป็นผู้จัดการกองทุน ขณะที่ นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลังไทย เคยเป็นประธานกรรมการคนแรกของ BIC Bank ก่อนจะเปลี่ยนเป็นนายยิม เลียกในปี 2562 และล่าสุดนายสถิตย์ก็ได้รับการแต่งตั้งจากนายพิชัย ชุณหวชิร รมว.คลัง ให้เป็นประธานคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าการและประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย นายสถิตย์ยังเคยเข้าซื้อหุ้น บมจ.คิวทีซี เอ็นเนอร์ยี่ ร่วมกับแคทรียา บีเวอร์ ซึ่งเรื่องนี้นี้ทำให้เกิดข้อกังขาถึงบทบาทในการกำกับดูแลระบบการเงินของประเทศ และทำให้สงสัยว่านายสถิตย์น่าจะไปรู้จักกับ น.ส.แคทรียา
สส.พรรคประชาชนกล่าวอีกว่ายังมีกรณีที่ บริษัท Opus Charter Insurance (เครือเดียวกับผู้ถือหุ้น ACE) และกองทุน CAI เข้าซื้อหุ้น บมจ.วีจีไอ (VGI) ซึ่ง VGI เคยพยายามขอใบอนุญาตธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) จากธนาคารแห่งประเทศไทย แต่ปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับใบอนุญาต และมีกรณีที่บริษัทแม่ของ Kuon Group ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสกุลเงินดิจิทัลระดับโลก เคยถูกปรับเงิน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในสหรัฐฯ ฐานประกอบธุรกิจโอนเงินโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่สามารถยับยั้งการฟอกเงินได้ Kuon ได้เข้าซื้อหุ้น บมจ.ERX ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ออกโทเคนให้กับบริษัทแสนสิริ ซึ่งแสนสิรินั้นเคยมีนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีเข้าไปนั่งบริหาร เรื่องนี้ก็ทำให้มีข้อกังวลอีกว่าโครงการ Sandbox ที่อนุญาตให้เงินคริปโตใช้จ่ายได้เสมือนเงินสด อาจกลายเป็นเครื่องมือฟอกเงินให้แก่อาชญากรข้ามชาติได้
นายวิโรจน์กล่าวว่ายังมีกรณีที่ Opus Charter Insurance ยังเข้าซื้อหุ้น บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC ซึ่งเป็น บลจ.ที่มีหน่วยงานรัฐหรือรัฐวิสาหกิจเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และ MFC เป็นผู้ถือหุ้นกองทุนประกันสังคม ซึ่งถือหุ้นบางจาก 15.1% นอกจากนี้ MFC เคยขายอาคารสกายไนน์ เซ็นเตอร์ ให้กองทุนประกันสังคมในราคา 7,000 ล้านบาท ทั้งที่ราคาประเมินเพียง 3,428-3,863 ล้านบาท ซึ่งเป็นการทำกำไรเกินควรและอาจเบียดบังผลประโยชน์ผู้ประกันตน
"หากเงินที่ใช้ในการซื้อขายหุ้นเหล่านี้เป็นเงินสีเทาหรือเงินสกปรกจากอาชญากรรมไซเบอร์ จะเท่ากับการเปิดประตูให้ทุนเทาข้ามชาติเข้ามาครอบงำประเทศ ผ่านกลไกตลาดหลักทรัพย์และธุรกิจยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและความมั่นคงของชาติ (เช่น การสำรวจปิโตรเลียมในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา)สิ่งนี้อาจทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการฟอกเงินของโลก ดึงดูดเงินสกปรกเข้ามา และกีดกันการลงทุนสุจริต ทำให้ประเทศสูญเสียโอกาสในการพัฒนา และกลายเป็นแหล่งรวมมาเฟียข้ามชาติและบัญชีม้า" นายวิโรจน์กล่าวทิ้งท้าย
ด้านนายวรภัค อธิบายว่า การซื้อหุ้นฟินันซ่า 29.9% เมื่อปี 2564 เป็นการทำธุรกรรมถูกต้องตามกฎหมาย ผ่านการอนุญาตจากตลาดหลักทรัพย์ และได้ขายหุ้นออกไปแล้วเมื่อปลายปี 2567 หลังจากถือหุ้นประมาณ 3 ปี ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท CAI ตามที่ถูกกล่าวหา พร้อมย้ำว่า ครม.เศรษฐกิจไม่สนับสนุนธุรกรรมที่ผิดกฎหมายหรือฟอกเงินอย่างเด็ดขาด
สำนักข่าวอิศรารายงานข่าวว่าในระหว่างการอภิปราย ส.ส.เพื่อไทยลุกประท้วงปกป้องพรรค โดยอ้างว่าไม่ควรอภิปรายพาดพิงกันเอง และโยงคนนอกเข้ามา ส่วนนายวิโรจน์ย้ำว่าเป็นข้อสงสัยเพื่อให้หน่วยงานตรวจสอบ ไม่ใช่ข้อกล่าวหายืนยัน พร้อมเตือนว่าหากปล่อยทุนสีเทาแทรกซึม อาจไม่เพียงทำลายระบบเศรษฐกิจ แต่ยังบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศ

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา