
‘รังสิมันต์’ ร่ายยาว แฉบุคคลที่มีอำนาจในกัมพูชา โยง ‘เบน สมิธ’ ที่ปรึกษาคีย์แมนกัมพูชา เอี่ยวจัดหาเครื่องบิน ‘ทักษิณ’ หวั่นไทยกลายเป็นศูนย์กลางฟอกเงิน ย้ำอีกต้นตอปัญหาไทยกัมพูชาอาจจะมาจาก Enterment Complex ไม่ผ่าน ทำกัมพูชาฟอกเงินไม่ได้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ในระหว่างการอภิปรายนโยบายของรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกุล นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชนได้อภิปรายในหัวข้อเกี่ยวกับปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ (scammer) ที่มีฐานในกัมพูชา ซึ่งส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อประเทศไทย และความเชื่อมโยงกับผู้มีอิทธิพลทั้งในกัมพูชาและนักการเมืองไทย รวมถึงข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชาและประเด็นชายแดน
นายรังสิมันต์กล่าวต่อไปถึงปัญหาความซับซ้อนของปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ว่ามีปัญหาในทั้งด้านการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง, การรุกล้ำของชาวกัมพูชา, ปัญหาคอร์รัปชันของผู้มีอำนาจตามแนวชายแดน และอาชญากรรมข้ามชาติที่เชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปัญหาเหล่านี้สะสมมานานและกำลังปะทุ ขณะที่นโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการเร่งแก้ปัญหาความขัดแย้งและพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนพร้อมกัน จะช่วยสร้างความมั่นคง
นายรังสิมันต์กล่าวต่อไปว่าสำหรับปัญหา ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ (Scammer) ซึ่งความเสียหายมหาศาล: คนไทยสูญเสียเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์มากกว่า 100,000 ล้านบาทใน 12 เดือนที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่าสถานการณ์เลวร้ายกว่าที่คิด โดยคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้มีฐานปฏิบัติการในกัมพูชา: เส้นทางการเงินส่วนใหญ่ระบุว่าอยู่ที่กัมพูชา รายได้จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชาคาดการณ์อยู่ที่ 4.6 - 6.9 แสนล้านบาทต่อปี หรือประมาณ 60% ของ GDP กัมพูชาในปี 2565 โดยเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีการยืนยันแล้วว่ามี 53 แห่งในกัมพูชา และอีก 45 แห่งต้องสงสัย กระจายอยู่ในหลายเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสีหนุวิลล์และบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งทั้งหมดพึ่งพาทรัพยากรจากไทย
สส.พรรคประชานกล่าวต่อไปว่าสำหรับผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองที่เกี่ยวข้องพบว่ามีได้แก่ นายก๊กอานสมาชิกวุฒิสภากัมพูชาฉายา "ราชาแห่งปอยเปต" ถูกออกหมายจับโดยทางการไทยในข้อหาอาชญากรรมข้ามชาติและยึดทรัพย์สินมากเมาย แม้วันนี้ยังจับกุมไมไ่ด้ แต่การขยายผลเกี่ยวกับนายก๊กอานก็หยุดชะงัก ต่อมาคือนายลี ยงพัด (Ly Yong Phat) ฉายา"ราชาแห่งเกาะกง" ผู้ก่อตั้ง LYP Group มีสัญชาติไทยและกัมพูชา ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรฐานเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ดำรงตำแหน่งสมาคมออกญาแห่งกัมพูชา มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับศูนย์กลางอำนาจของกัมพูชา แต่กลับถูกละเลยจากตำรวจไทย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าแปลก
นายรังสิมันต์กล่าวต่อถึงชาวกัมพูชาที่เกี่ยวข้องอีกรายชื่อว่านายฮุน โต (Hun To) ลูกพี่ลูกน้องของ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เกี่ยวข้องกับบริษัท Hui Yuan Group ซึ่งถูกหน่วยงาน FinCEN ของสหรัฐฯ ระบุเป็นสถาบันทางการเงินทีน่ากังวลเกี่ยวกับเรื่องการฟอกเงิน มีเงินผิดกฎหมายหมุนเวียนกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์ผ่านบริษัทลูกสามแห่ง สะท้อนว่านี่คืออาชญากรรมข้ามชาติที่ได้รับการคุ้มครองจากอำนาจรัฐให้ปลอดภัย
สส.พรรคประชาชนกล่าวถึงบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องอีกรายชื่อว่านายยิม เลียก ประธานธนาคาร BIC Bank ซึ่งเป็นธนาคารกัมพูชาที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแหล่งฟอกเงิน นายยิม เลียกเป็นบุตรชายอดีตรองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และมีพี่สาวเป็นลูกสะใภ้ของนายฮุนเซน มีเครือข่ายคอนเน็กชั่น ที่ไม่ธรรมดา เพราะไปรู้จักกับนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ เบน สมิธ ชาวแอฟริกาใต้ มีประวัติธุรกิจหลอกลวง แต่งงานกับ น.ส.แคทรียา บีเวอร์ คนไทย โดย ก.ล.ต.นิวซีแลนด์เคยปรับบริษัทของนายเบน สมิธ ในข้อหาว่าโทรหานักลงทุนเพื่อหลอกลวงการลงทุน และการขายหุ้นอันน่าสงสัย
นายเบน สมิธ คนดังกล่าวยังพบว่าเกี่ยวข้องกับบริษัทชื่อว่า Tien Tien Venture ที่ ก.ล.ต.ไทยได้ออกมาเตือนว่าเข้าข่ายการหลอกลวงนักลงทุน มีลักษณะผิดกฎหมาย ทำให้ปัจจุบันนี้บริษัท Tien Tien Venture ปัจจุบันปิดตัวไปแล้วเพราะพบว่าขาดความโปร่งใสอย่างรุนแรง
นายเบนสมิธ ยังมีมีบทบาทสำคัญในการสร้างอาณาจักร BIC ของยิม เลียก โดยมีภาพถ่ายร่วมกันในรายงานประจำปีของธนาคาร และนายเบน สมิธเป็นที่ปรึกษาให้ยิม เลียก แนะนำให้หารายได้ผ่านการการฟอกเงินทุนจีนผ่านโครงการอสังหาริมทรัพย์และคาสิโน เช่น โครงการดาราสาทร มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทเจิ้งเหอกรุ๊ป มีชาวจีนถือหุ้นอีกรายคือนายเสอ จื้อเจียง ผู้ต้องหาชาวจีนที่ถูกขังในประเทศไทยตามหมายแดงของตำรวจสากล ส่วนตัวนายเบน สมิธเองก็ถือหนังสือเดินทางการทูตกัมพูชาในฐานะที่ปรึกษาของสมเด็จฮุนเซน และระบุชื่อยิม เลี้ยงเป็นบุคคลติดต่อฉุกเฉิน
นายรังสิมันต์กล่าวต่อไปว่าสำหรับความเชื่อมโยงของนายเบน สมิธกับนักการเมืองไทย พบว่า เคยปรากฏตัวพร้อมกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทยและนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่เกาะหลีเป๊ะ พร้อมเรือยอชต์หรู 6 ลำ และร่วมงานบุญใหญ่กับร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ในฐานะประธานเจ้าภาพและประธานอุปถัมภ์ มีรายงานด้วยว่านาย เบน สมิธกำลังยื่นขอสละสัญชาติกัมพูชาเพื่อแปลงสัญชาติเป็นไทย โดยได้เปลี่ยนชื่อเป็น "สาธิต" ที่เขตวัฒนา ดังนั้นก็ต้องขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีว่าไม่ควรให้สัญชาติไทยแก่ผู้เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์
สส.พรรคประชาชนกล่าวอีกว่านาย เบน สมิธ ยังมีข้อกล่าวหาเรื่องการจัดหาเรือยอชต์และเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวให้อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งหากเป็นจริงหมายถึงเงินจากอาชญากรรมถูกใช้สร้างอิทธิพลในไทย มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการ Entertainment Complex โดยพบภาพนาย เบน สมิธ ร่วมประชุมกับ CEO ของ MGM Resorts คาสิโนยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ และอดีตนายกฯ ไทย ซึ่งอาจเป็นการใช้คาสิโนถูกกฎหมายในไทยฟอกเงินผิดกฎหมายจากกัมพูชา ทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการฟอกเงิน นอกจากนี้ นายเบน สมิธ ยังเป็นที่ปรึกษาคนเดียวกัน ทั้งนายฮุนเซนและอดีตนายกฯ ไทยใช้นายเบน สมิธ เป็นที่ปรึกษา
“เรื่องนี้ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าความขัดแย้งระหว่างผู้นำทั้งสองระหว่างไทยและกัมพูชา อาจเป็นเพราะไทยไม่สามารถผลักดันโครงการได้ตามที่ผู้มีอำนาจในกัมพูชาต้องการ ทำให้ความฝันในการฟอกเงินสีดำต้องพังทลาย” นายรังสิมันต์กล่าวและกล่าวอีกว่าส่วนตัวก็จะเอาเรื่องนายเบน สมิธ หรือนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์เข้าไปยังกรรมาธิการความมั่นคงในสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 2 ต.ค.นี้
สส.พรรคประชาชนกล่าวสรุปทิ้งท้ายว่า ไทยกำลังกลายเป็นจุดหมายปลายทางของขบวนการสีเทา ไม่ใช่แค่ทางผ่าน ซึ่งเข้ามาปักธงและขยายอาณาจักรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ผ่านกลไกต่างๆ และเครือข่ายทางการเมือง ดังนั้นส่วนตัวจึงได้เสนอแนะข้อเสนอในการแก้ปัญหาดังนี้
1.ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ให้แก้ปัญหาโดยการจัดตั้งศูนย์ประสานงานต่อต้านแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติที่ทำงานเชิงรุก ประสานงานกับต่างประเทศ และทำลายโครงสร้างองค์กรอาชญากรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), ตำรวจ, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), อัยการ สอบสวนเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงกับนายเบน สมิธ, นายลี ยงพัด,นายยิม เลียก และให้ยึดทรัพย์สินในไทย ขณะที่ก.ล.ต. ต้องบังคับใช้กฎหมายกับสกุลเงินดิจิทัลเพื่อป้องกันการฟอกเงิน
ส่วนกระทรวงการต่างประเทศต้องศึกษาความเป็นไปได้ในการนำบุคคลผู้มีอำนาจในกัมพูชาขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC)
2.ปัญหาชายแดน ต้องทำความเข้าใจว่ารายได้มหาศาลจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำให้กัมพูชาไม่จำเป็นต้องกลัวผลกระทบจากการค้ากับไทย
ดังนั้นนายกรัฐมนตรีต้องบูรณาการทุกกระทรวงให้เกิดการแก้ปัญหา เช่น กำหนดให้กระทรวงการต่างประเทศประสานงานกับจีน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น, เพิ่มบทบาท สมช., สร้างเอกภาพในการทำงาน
นายรังสิมันต์ยังกล่าวถึงการทำประชามติยกเลิก MOU ปี 2544 ว่าการตัดสินใจเกี่ยวกับ MOU มีความซับซ้อน เพราะเกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศ, แผนที่, บริษัทพลังงาน, ชาติมหาอำนาจ, และความมั่นคง ดังนั้นหากจะทำประชามติ ประชาชนต้องสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เพียงพอต่อการตัดสินใจ และรัฐบาลต้องเตรียมพร้อมสำหรับทุกฉากทัศน์หากยกเลิก MOU เช่น การเจรจาเส้นเขตแดน, การที่กัมพูชาอาจนำเรื่องขึ้นศาลโลก, การถูกฟ้องร้องจากบริษัทข้ามชาติในอนุญาโตตุลาการ อาจทำให้ไทยต้องจ่ายค่าชดเชยหลายหมื่นล้านบาท สำหรับการปรับปรุง MOU ทั้งสองฉบับบนพื้นฐานผลประโยชน์แห่งชาติสูงสุด อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา