สส.ระยอง พรรคประชาชน เปิดปม สติ๊กเกอร์ ‘เพื่อนยศสิงห์-บ่อดินเถื่อน’ โยง ‘สองรัฐมนตรี’

กฤช ศิลปชัย สส.จังหวัดระยอง พรรคประชาชน เปิดหลักฐานโรงงานที่เคยถูกปิดยื่นขอใบอนุญาตตั้งโรงงานรีไซเคิล จังหวัดปราจีนบุรี 6 แห่ง ในวันเดียวกัน ยุครัฐบาลภูมิใจไทย ชี้ บ่อดินเถื่อน - สติ๊กเกอร์รถบรรทุก ‘เพื่อนยศสิงห์’ - ‘มังกรน้ำเค็ม’ โยง 2 รัฐมนตรีครม.อนุทิน สุชาติ ชมกลิ่น รองนายกฯ-รมว.ทรัพย์ฯ - ยศสิงห์ เลี่ยมเลิศ รมช.อุตฯ ปฏิเสธ - ท้าสาบาน

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 30 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภาพิจารณาวาระเรื่องด่วน อภิปรายนโยบายของรัฐบาล คณะรัฐมนตรี (ครม.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในการแถลงต่อรัฐสภาเป็นวันที่สอง นายกฤช ศิลปชัย สส.จังหวัดระยอง พรรคประชาชน (ปชน.) สมาชิกรัฐสภา อภิปรายถึงคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของนายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และจ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมกับแสดงสไลด์ (รูปนายสุชาติและข้อความว่า มังกรน้ำเค็มและ พวกกัน...สำคัญเสมอ) ว่า ภาพนี้มีผู้สื่อข่าวถ่ายไว้ขณะที่รถบรรทุกคันนี้วิ่งขนส่งระหว่างท่าเรือแหลมฉบังกับโรงงานรีไซเคิลผิดกฎหมายที่เป็นข่าว

“เรื่องสติ๊กเกอร์ท่านอาจจะอ้างก็ได้ว่า ใครๆก็ทำมาติดได้ ถ้าท่านจะทำผิดกฎหมาย ใช้อิทธิพลจะโง่เอาหน้าตัวเองมาติดให้คนอื่นเขารู้ทำไม ผมถึงไปหาหลักฐานเพิ่มเติมว่า รถบรรทุกหมายเลขทะเบียนนี้เป็นรถบรรทุกของบริษัทหนึ่งที่มีเจ้าของชื่อย่อ ย. นาย ย.คนนี้มักโพสต์เฟซบุ๊กอยู่เสมอว่า เป็นผู้ชำนาญประจำตัวนายสุชาติ เป็นคณะทำงานของนายสุชาติตั้งแต่สมัยที่นายสุชาติเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ซึ่งมาบัดนี้ บริษัทขนส่งของนาย ย.คนนี้ยังไม่ถูกต้องข้อกล่าวหาหรือดำเนินคดีใดๆ ยังคงวิ่งส่งวัตถุดิบให้กับโรงงานรีไซเคิลอื่นๆ เรื่อยมา”นายกฤชกล่าว

นายกฤชกล่าวว่า ต่อให้นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลจะดีแค่ไหน แต่ถ้าเราเอาคนที่เชื่อได้ว่า เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับการทำลายสิ่งแวดล้อมมาเป็นรัฐมนตรี จะเชื่อได้อย่างไรว่า สิ่งแวดล้อมของคนไทยจะไม่เลวร้ายไปกว่านี้ จะเชื่อได้อย่างไรว่า นายสุชาติจะไม่ใช้อิทธิพลและอำนาจในฐานะเจ้ากระทรวงไปช่วยเหลือกลุ่มทุนที่ทำผิดกฎหมายมาทำร้ายสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทยอีก

นายกฤชกล่าวว่า รัฐมนตรีอีกคนที่เห็นว่า มีปัญหา คือ จ่าเอกยศสิงห์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายของนายสุชาติ สมัยที่นายสุชาติเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายยศสิงห์ก็เป็นหนึ่งในคณะทำงาน ต่อมานายสุชาติเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จ่าเอกยศสิงห์ก็เป็นผู้ช่วยเลขานุการฯ และออกงานด้วยกันหลายงาน

“นายยศสิงห์มีประวัติเกี่ยวข้องกับการลักลอบทำบ่อดินเถื่อนที่อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี เนื่องจากการทำบ่อดิน หรือ การตักดินใส่รถถมที่ ถือว่าเป็นการประกอบกิจการโรงงาน ดังนั้น จึงต้องขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ใบ รง.4) แต่บ่อดินเถื่อนที่นายยศสิงห์เข้าไปเกี่ยวข้องไม่มีใบรง.4 เพราะเป็นพื้นที่ผังเมืองสีเขียวอ่อน เป็นพื้นที่สงวนทำการเกษตร เอามาทำบ่อดิน ตักดินขายไม่ได้ ผิดกฎหมาย จึงไม่สามารถออกใบรง.4 ได้”นายกฤชกล่าว

นายกฤชกล่าวว่า ภายหลังพรรคประชาชนต่อสู้กับชาวบ้านในพื้นที่เรื่องบ่อดินเถื่อน สุดท้ายอุตสาหกรรมจังหวัดมีคำสั่งหยุดประกอบกิจการและดำเนินคดีไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไรจึงยังพบว่า มีการฝ่าฝืนคำสั่งกลับมาตักดิน ภายหลังไปตรวจสอบพบว่า รถขนดินที่วิ่งเข้าวิ่งออกบ่อดินเถื่อนแห่งนี้เป็นรถขนดินเครือข่ายของนายยศสิงห์ และเมื่อไปสืบเพิ่มเติมว่ารถขนดินเลขทะเบียนนี้เป็นรถของบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งที่มีนาย อ.เป็นเจ้าของ ซึ่งนาย อ. เป็นพรรคพวกของจ่อเอกยศสิงห์ และ นาย อ.ยังเคยเป็น ส.อบจ. ทีมเดียวกันกับภรรยาของจ่าเอก ยศสิงห์ด้วย และนาย อ. ยังเคยโพสต์เฟซบุ๊กว่า “สมัยหนุ่มๆ ลูกพี่กับเจ้เคยพาไปอังกฤษกับฝรั่งเศสด้วย”

“ดูจากประวัติแล้ว รัฐมนตรีสองคนนี้ ไม่น่าไว้วางใจให้มาดูกระทรวงทรัพย์ฯ และกระทรวงอุตสาหกรรมเลย แล้วทำไมนายอนุทินจึงตั้งสองคนนี้มาเป็นรัฐมนตรี แถมประเคนให้แบบหมดยกเซต ยอมให้เครือข่ายของนายสุชาตินั่งคุมกระทรวงที่ตัวเองมีประวัติเสียหายทั้งสองขา คนหนึ่งคุมเรื่องโรงงานอุตสาหกรรม คนหนึ่งคุมเรื่องสิ่งแวดล้อม”นายกฤชกล่าว

นายกฤชกล่าวว่า ตั้งแต่มีข่าวว่าเครือข่ายของนายสุชาติจะได้มาดูแลกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็เริ่มได้ยินกลุ่มทุนเทาพูดกันว่า หลังจากนี้จะทำอะไรก็ได้แล้ว ติดขัดอะไรก็ไปต่อได้แล้ว สามารถเคลียร์ได้ทุกอย่าง

“หลักฐานอย่างหนึ่ง เมื่อวันที่ 8 ก.ย.68 วันที่เพิ่งจะมีโผครม.ของนายกฯอนุทินออกมา มีการยื่นขอใบอนุญาตตั้งและขยายโรงงานรีไซเคิลที่จังหวัดปราจีนบุรีถึง 6 โรงงานในวันเดียวกัน ซึ่งบริษัทที่มายื่นขอใบอนุญาตเคยเป็นโรงงานเถื่อนที่ถูกสั่งปิดไปเมื่อปีก่อนเพราะปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม”นายกฤชกล่าวและว่า

“จังหวะช่างลงล็อกกันจริงๆ พอโผครม.ออกมาว่าใครจะนั่งดูกระทรวงสิ่งแวดล้อม ใครจะดูเรื่องโรงงาน กลุ่มนายทุนที่เคยมีประวัติเสียหายก็กล้ามาขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานทันที ทั้งที่แต่เดิมกระทรวงอุตสาหกรรมมีแนวนโยบายที่จะไม่ออกใบอนุญาตกิจการประเภทนี้เพิ่มเติมอีก”นายกฤชกล่าว

นายกฤชกล่าวว่า ขอเรียกร้องให้นายอนุทินเปลี่ยนตัว 2 รัฐมนตรีดังกล่าวออกจากครม. เพราะจากประวัติที่ผ่านมารับไม่ได้ที่จะให้ทั้งสองคนดูเรื่องสิ่งแวดล้อมและโรงงานของประเทศได้ 

@ ยศสิงห์ ปฏิเสธ - สุชาติ ท้า สาบาน

ด้านนายสุชาติลุกขึ้นชี้แจงว่า บ่อดินไม่ใช่ของตนเองและตนเองก็ไม่มีรถสิบล้อ

“ถ้าผิดท่านดำเนินคดีไปเลย ผมกล้าพูดต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ว่า บ่อดินที่ท่านเอ่ยถึงไม่ใช่ของผม ท่านต้องกล้าสาบานกับผม ท่านมากล่าวหาผมอย่างนี้ไม่ได้ การกล่าวหาในที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ผมไม่อยากต่อล้อต่อเถียง แต่เรามีวุฒิภาวะ ต้องพูดเรื่องจริง”นายสุชาติกล่าว 

นายสุชาติกล่าวว่า ส่วนเรื่องรถสิบล้อ อาชีพรถสิบล้อ รถบรรทุก เขาว่าจ้างไปไหนก็ต้องไป บ่อดินจะผิดหรือถูกต้องไปดำเนินคดีกับต้นทาง ไม่ใช่ดำเนินคดีกับรถบรรทุก เจ้าของรถบรรทุกไม่รู้หรอกว่ามีการขนส่งสิ่งของผิดกฎหมาย ถ้าสถานประกอบการทำผิดต้องดำเนินคดี และที่พูดถึงอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี ตนยังไม่รู้จักเลยว่า อุตสาหกรรมชลบุรีชื่ออะไร ไม่เคยเห็นหน้าตา ไม่รู้ว่าคนไหน อยากให้ความเป็นธรรม 

นายสุชาติกล่าวว่า ส่วนเรื่องที่มีการกล่าวหาว่า รถบรรทุก ผู้ชำนาญการผมไปวิ่ง ที่เป็นชื่อมังกรน้ำเค็ม พวกสำคัญเสมอ ในชลบุรี เวลาทำเสื้อ หรือทำสติ๊กเกอร์ต่างๆ เขาพวกเรา เอาไปติดได้หมด แต่ถ้าเป็นส่วยผิดกฎหมาย “ใครบ้าจะเอารูปตัวเองไปติด ต้องเป็นรหัส” 

นายสุชาติกล่าวว่า ที่กล่าวว่ารถบรรทุกกากพิษ ของมีพิษ ไปบรรทุกที่ไหน ท่าเรือ ผ่านด่านศุลกากรมาได้อย่างไร ผ่านด่านท่าเรือมาได้อย่างไร มีใบปล่อยรถออกมาได้อย่างไร รถบรรทุกว่าจ้างไปที่ไหน เช่น ไปบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ท่านไปเปิดตู้คอนเทนเนอร์ไม่ได้ เจ้าหน้าที่ศุลกากรเป็นผู้เอ็กซเรย์ 

ด้านจ่าเอกยศสิงห์ลุกขึ้นชี้แจงเพิ่มเติมว่า เรื่องบ่อดินเถื่อนและสติ๊กเกอร์เพื่อนยศสิงห์ บ่อดินเถื่อนอยู่ในจังหวัดชลบุรี และอำเภอพานทอง ชลบุรี ส่วนตนเองอยู่จังหวัดฉะเชิงเทรา และอำเภอบางปะกง ฉะเชิงเทรา

“บ่อดินเถื่อน ผมไม่รับรู้ ไม่รับทราบ ถ้าท่านจะทำอะไร ท่านดำเนินการเลย ถ้าทำผิดกฎหมาย ผมเห็นด้วยว่า ปิดเลย”จ่าเอกยศสิงห์กล่าว 

จ่าเอกยศสิงห์กล่าวว่า ส่วนตัวไม่มีรถสิบล้อสักคัน ถ้าครอบครัวผม นามสกุลเหลี่ยมเลิศ ไปจดทะเบียนรถสิบล้อ ไม่มีสักคัน ไม่มีจริงๆ เพราะผมไม่มีความถนัดในด้านนี้ สามารถไปตรวจสอบได้ที่กรมขนส่งได้

“ส่วนสติ๊กเกอร์เพื่อนยศสิงห์ เป็นสติ๊กเกอร์ติดเสื้อ ติดอะไรต่างๆ เพราะเราเป็นนักการเมือง อยู่ท้องถิ่นมาตลอด ผมเติบโตจากท้องถิ่นมา เพราะฉะนั้นในพื้นที่ผมพอทราบว่าอะไรเป็นอะไร เพราะฉะนั้นสิ่งอะไรที่ไม่ดีไม่งาม ผมคิดว่า ผมไม่ควรทำ และคนที่เอาสติ๊กเกอร์ผมไปติด ผมก็แนะนำทุกคนว่า เอาไปติดไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น หรือ ทำอะไรให้ลดลง จะไปลดอะไรก็ไม่ได้ ถ้าเกิดท่านใดไม่ชอบผม เขาก็ไม่ชอบท่านด้วย ผมพยามแนะนำ เพราะฉะนั้น สติ๊กเกอร์ เพื่อนยศสิงห์ เป็นสติ๊กเกอร์ในกลุ่มของพวกผมเอาไว้ช่วยเหลือกันในด้านต่างๆ เกิดอุบัติเหตุ เกิดอะไรต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องรถยนต์ก็พึ่งพากันได้ มีสัญลักษณ์ว่า เป็นพรรคพวกกัน เป็นเพื่อนกัน”จ่าเอกยศสิงห์กล่าว 

ส่วนนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม ว่า ปิดเร็ว เปิดเร็ว พึ่งพาได้ ไม่ใช่ จ่ายครบ จบแน่