
ปปง.ออกประกาศให้ผู้เสียหายยื่นขอรับคืนทรัพย์ คดี ผู้ช่วย ผจก.ฝ่ายบัญชี บ.ป้อมโชค เครือไทยเบฟเวอเรจฯ โอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง ช่วงปี 2565-2567 เกือบ 100 ล. หลังศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาพิพากษาฐานลักทรัพย์ จำคุก 20 ปี ชดใช้เงิน 147.4 ล.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2568 ราชกิจจานุเบกษาวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 เผยแพร่ประกาศสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เรื่อง ให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องเพื่อขอรับคืนหรือชดใช้คืนซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดหรือชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน ราย นายสุรเชษฐ์ เรืองเดช กับพวก เป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการลักทรัพย์เป็นปกติธุระ โดย นายสุรเชษฐ์ เรืองเดช ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายบัญชี ของบริษัท ป้อมโชค จำกัด (ในเครือบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)) มีหน้าที่ดูแลบริหารจัดการเอกสารทางด้านบัญชีและการเงิน และมีอำนาจเข้าทำรายการบัญชีในระบบและทำรายการโอนเงินเพื่อชำระค่าใช้จ่ายของบริษัทผ่านระบบ Internet banking จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า บริษัทป้อม โชคฯความเสียหายเป็นจำนวน 94,612,545 บาท และศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีคำพิพากษาให้จำคุก 20 ปี และคืนหรือชดใช้ราคาทรัพย์จำนวน 147,515,153.69 บาท พร้อมดอกเบี้ย
คำสั่งมีรายละเอียดดังนี้
ด้วยคณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 10/2568 เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2568 ให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว ประธานกรรมการธุรกรรมได้มีคำสั่งที่ ย.220/2568 ลงวันที่ 11 กันยายน 2563 ให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติในความผิดฐานลักทรัพย์เป็นปกติธุระ กล่าวคือ นายสุรเชษฐ์ เรืองเดช ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายบัญชีมีหน้าที่ดูแลบริหารจัดการเอกสารทางด้านบัญชีและการเงินของบริษัท ป้อมโชค จำกัด (ในเครือบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)) ได้รับมอบหมายให้สามารถเข้าทำรายการบัญชีในระบบและสามารถทำรายการโอนเงินเพื่อชำระค่าใช้จ่ายของบริษัท ป้อมโชค จำกัด ด้วยระบบ Internet banking ได้
จากการตรวจสอบบัญชี เงินฝากธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) เลขที่บัญชี 324-1-05063-6 ชื่อบัญชี บริษัท ป้อมโชค จำกัด พบว่า มีการทำรายการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝาก ธนาคารของนายสุรเชษฐ์ เรืองเดช เป็นจำนวนกว่า 94,612,545 บาท ทำให้บริษัท ป้อมโชค จำกัด ได้รับความเสียหาย พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยาตามคดีอาญาที่ 1240/2567 ดำเนินคดีแก่นายสุรเชษฐ์ เรื่องเดช ในความผิดฐานลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างหรือที่อยู่ในความครอบครองของนายจ้างในเวลากลางคืน ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน นายสุรเชษฐ์ เรืองเดช ให้การรับสารภาพว่า ได้กระทำความผิดมา ตั้งแต่ พ.ศ. 2565 จนถึงวันที่ ธันวาคม 2567 พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า นายสุรเชษฐ์ เรืองเดช กระทำความผิดฐานลักทรัพย์เป็นปกติธุระ คดีนี้ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในคดีหมายเลขดำที่ อ 113/2568 หมายเลขแดงที่ อ 213/25648 มีคำพิพากษาลงโทษจำคุก นายสุรเชษฐ์ เรืองเดช 20 ปี กับให้จำเลยคืนหรือชดใช้ราคาทรัพย์ จำนวน 147,515,153.69 บาท พร้อมดอกเบี้ย อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า นายสุรเชษฐ์ เรืองเดช กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 49/1 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2565 และข้อ 3 แห่งกฎกระทรวงการคืนหรือการชดใช้คืนซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และการชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน พ.ศ. 2567 จึงขอให้บุคคลผู้ได้รับความเสียหายโดยตรงจากการกระทำความผิดมูลฐานในรายคดีดังกล่าวและไม่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น ยื่นคำร้องเพื่อขอรับคืนหรือชดใช้คืนซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดหรือชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานป้องกันและปราบปราม การฟอกเงิน ภายใน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ทั้งนี้ รายละเอียดการยื่นคำร้องปรากฏตามเอกสารแนบท้ายประกาศนี้
ดูประกาศในลิงก์: https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/87371.pdf

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา