
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย เผย โมเดล สภาร่างรัฐธรรมนูญทางอ้อม เลือกจากประชาชนตรง 77 จังหวัด 200 คน รัฐสภาลงมติเลือกเหลือ 100 คน กางไทม์ไลน์ พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระที่หนึ่ง-วาระที่สาม ก่อนยุบสภาภายใน 4 เดือน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 20 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงความคืบหน้าการเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หมวด 15 มาตรา 256 ว่า ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฯ ของพรรคเพื่อไทยเบื้องต้นเสร็จแล้ว โดยยึดตามแนวคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นหลัก คือ รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง และการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยเน้นเฉพาะการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เท่านั้น คือ เพิ่มหมวด 15/1 เข้าไป โดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 256 แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หมวด 15 ไม่แตะประเด็นอื่น เนื่องจากระยะเวลาสั้น
“ในการจัดทำรัฐธรรมนูญสิ่งที่เราต้องคำนึง คือ หนึ่ง ผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญควรเป็นใคร ซึ่งยึดแนวทางคำวินิจฉัยเป็นหลัก คือ เราใช้คำว่า สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เพราะเปิดช่องให้มีการมีส่วนร่วมมากที่สุด และที่มาของสภาร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเลี่ยงไม่ให้ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยใช้วิธีทางอ้อม กำหนดไว้ประมาณ 140-150 คน แต่ร่างฯ กำหนดไว้ 143 ซึ่งยังมีองค์กรหรือภาคส่วนต่างๆ ที่ขาดหายไป จึงต้องเติมเต็มให้จำนวนมากขึ้น”นพ.ชลน่านกล่าว

นพ.ชลน่านกล่าวว่า โดยที่มาของ สสร. แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก การมีส่วนร่วมของของประชาชนให้มาจากทุกจังหวัด 77 จังหวัด จำนวนทั้งหมด 100 คน โดยเบื้องต้นผู้ที่สมควรได้รับเลือกให้เป็นสสร. มาจากประชาชนทางตรงให้เลือกมา 2 เท่าของจำนวนที่ต้องการ 100 คน เช่น จังหวัดน่านมี สสร.ได้จำนวน 2 คน ให้เลือกทางตรงจากประชาชน 4 คน ทั้งนี้ ตัวเลขคำนวณมาจากฐานประชากรแต่ละจังหวัด ดังนั้น ผู้ที่ได้รับเลือกเป็น สสร.ทางตรงจะมีทั้งหมด 200 คน แล้วให้ที่ประชุมรัฐสภาลงมติเลือกให้เหลือ 100 คน ส่วนที่สอง มาจากองค์กรต่างๆ ภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรวิชาชีพ โดยให้ส่งเข้ามา และมาแต่งตั้งโดยรัฐสภา
นพ.ชลน่านกล่าวว่า สามารถเสนอร่างฯ ได้ไม่เกินวันที่ 29 ต.ค.68 และพิจารณาในขั้นรับหลักการวาระที่หนึ่งได้ไม่เกินวันที่ 30 ต.ค.68 เพราะสภาฯจะปิดสมัยประชุมในวันที่ 31 ต.ค.68 ซึ่งจะเปิดสมัยประชุมอีกครั้งในวันที่ 22 ธ.ค.68 ซึ่งคาดว่าจะเสนอร่างฯ และพิจารณาในวาระแรกได้ก่อนวันที่ 29-30 ต.ค.68 ดังนั้น พิจารณาจากไทม์ไลน์แล้วเสร็จแน่นอน เพราะการพิจารณาในวาระที่สามต้องไม่ช้าไปก่อนวันที่ 15 ม.ค.69 ทั้งนี้ หากวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเป็นวันที่ 29-30 ก.ย.68 ก่อนยุบสภา 4 เดือน (ยุบสภา 31 ม.ค.69) เนื่องจากรัฐธรรมนูญมาตรา 256 (7) เมื่อรัฐสภาลงมติเห็นชอบในวาระที่สามแล้ว ให้รอไว้ 15 วัน แล้วจึงนำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา