
‘ชูศักดิ์’ เผย สส.พรรคเพื่อไทยเตรียมชื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญผ่าน สว. กรณีมีโปรดเกล้าฯตุลาการคนใหม่วันเดียวกับวินิจฉัยนายกฯ ทำไมคนเก่ายังทำหน้าที่ได้ ไม่หวังผลโมฆะ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 2 กันยายน 2568 นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีมีการเผยแพร่ประกาศ แต่งตั้งนายสราวุธ ทรงศิวิไล เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีการประกาศเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่มีการตัดสินกรณีความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.วัฒนธรรม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ จากกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
โดยนายชูศักดิ์กล่าวว่า ทราบมาว่า นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ได้รวบรวมรายชื่อสส.พรรคเพื่อไทย เพื่อยื่นต่อประธานวุฒิสภา (สว.) เสนอต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้วินิจฉัยประเด็นความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และความชอบของคำวินิจฉัยดังกล่าว โดยมีเหตุผลสำคัญคือ กรณีมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนเก่าก็น่าจะต้องพ้นจากตำแหน่งไปในวันนั้นทันที ส่วนการที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ยังไม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณ ยังไม่ใช่ประเด็น แต่เมื่อมีพระบรมราชโองการลงมาแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนนั้นก็ไม่ควรทำหน้าที่ต่อไปหรือไม่
เมื่อถามว่าแล้วจะมีผลกระทบต่อคำวินิจฉัยดังกล่าวเป็นโมฆะหรือไม่ นายชูศักดิ์ตอบว่า อย่าไปพูดอย่างนั้น หมายความว่า ให้มีการวินิจฉัยว่ามันชอบหรือไม่ที่มีการทำแบบนี้ ส่วนจะโมฆะหรือไม่โมฆะเราไม่ได้พูด ปัญหาคือ ถ้าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนนั้นทำหน้าที่ไม่ได้ ผลการวินิจฉัยก็จะออกมาเป็น 5 ต่อ 3 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็จะเหลือแค่ 8 คน อันนี้คือประเด็นที่ทางสส.พรรคเพื่อไทยตั้งไว้
อีกประเด็นหนึ่งที่สส.พรรคเพื่อไทยมีข้อสงสัยคือ ทำไมผู้รับสนองพระบรมราชโองการถึงส่งประกาศนี้ไปถึงศาลรัฐธรรมนูญล่าช้าหลายวัน แสดงว่าผู้รับสนองพระบรมราชโองการมีเจตนาให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนเก่ายังทำหน้าที่ต่อใช่หรือไม่ อีกทั้งผู้รับสนองพระบรมราชโองการกับโจทก์ที่ยื่นเรื่องก็เป็นคนคนเดียวกัน
@พ.ร.ป.ศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดให้ตุลาการใหม่ทำหน้าที่เมื่อ ‘ถวายสัตย์’ แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 16 ระบุว่า ก่อนเข้ารับหน้าที่ ตุลาการต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ด้วยถ้อยคํา ดังต่อไปนี้ “ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ในพระปรมาภิไธยด้วยความซื่อสัตย์สุจริตโดยปราศจากอคติทั้งปวง เพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่ประชาชน และความสงบสุขแห่งราชอาณาจักร ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและกฎหมายทุกประการ”
และมาตรา 17 ระบุว่า ตุลาการมีวาระการดํารงตําแหน่งเจ็ดปีนับแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง และให้ดํารงตําแหน่งได้เพียงวาระเดียว
ในกรณีที่ตุลาการพ้นจากตําแหน่งตามวาระ ให้ตุลาการที่พ้นจากตําแหน่งปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าตุลาการที่แต่งตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา