
ป.ป.ช.เผยมติคกก.ชุดใหญ่ ชี้มูลความผิดอาญา-วินัย 'วรพันธุ์ สุวรรณยุหะ' อดีตนายอำเภอวังวิเศษ ตรัง นำเงินรายได้ปาล์มน้ำมันของอำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว ส่งสำนวน อสส.ฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายแล้ว แจ้งชดใช้ค่าเสียหายด้วย - ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช). เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ชี้มูลความผิด กรณีกล่าวหา นายวรพันธุ์ สุวรรณยุหะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายอำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง นำเงินรายได้ปาล์มน้ำมันของอำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว
นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช.เปิดเผยว่า ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ภายหลังจากนายวรพันธุ์ สุวรรณยุหะ เข้าดำรงตำแหน่งนายอำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2558 จังหวัดตรังได้มีหนังสือที่ กค 0311.15/19572 ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2558 แจ้งให้อำเภอวังวิเศษตรวจสอบการนำที่ราชพัสดุ (ที่ดินและอาคาร) ที่อยู่ในความครอบครองของอำเภอวังวิเศษไปใช้ประโยชน์ว่าถูกต้องตามที่ได้รับอนุญาตหรือผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ นายวรพันธุ์ สุวรรณยุหะ นายอำเภอวังวิเศษ กลับไม่ดำเนินการตรวจสอบและรายงานผลให้จังหวัดตรังทราบ
ทั้งที่พื้นที่ราชพัสดุซึ่งกรมธนารักษ์อนุญาตให้ กรมการปกครองใช้ประโยชน์เป็นที่ตั้งของศูนย์ราชการอำเภอวังวิเศษ ที่ว่าการอำเภอ และบ้านพักราชการ บริเวณด้านข้างที่ว่าการอำเภอวังวิเศษ ติดกับบ้านพักนายอำเภอวังวิเศษ ยาวตลอดไปจดถนนเทศบาลตำบลวังวิเศษ มีการปลูกเป็นสวนปาล์มน้ำมันของอำเภอวังวิเศษ เนื้อที่ประมาณ 25 ไร่ 1 งาน 19 ตารางวา โดยมิได้แจ้ง ขอเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้ประโยชน์ และนายวรพันธุ์ สุวรรณยุหะ ได้เข้าบริหารจัดการสวนปาล์มน้ำมัน โดยสั่งการให้เจ้าหน้าที่ดูแลเก็บเกี่ยวและจำหน่ายผลผลิตปาล์มน้ำมันดังกล่าวเรื่อยมาจนถึงเดือนธันวาคม 2560 รวมระยะเวลา 2 ปี มีรายได้ที่เหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายเพื่อกิจการต่างๆ ของอำเภอวังวิเศษ ซึ่งนายวรพันธุ์ สุวรรณยุหะ เก็บไว้เป็นประโยชน์ส่วนตนแต่เพียงผู้เดียว ประมาณ 74,500 – 174,500 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้
การกระทำของนายวรพันธุ์ สุวรรณยุหะ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98
ทั้งนี้ ให้แจ้งจังหวัดตรัง ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุดผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา