‘พรรคประชาชน’ อัด ‘ตึกใหม่คมนาคม’ โอ่อ่าแพงเกินจริง แนะไปทบทวนใหม่

‘พรรคประชาชน’ อภิปราย ‘ตึกใหม่กระทรวงคมนาคม’แพงและโอ่อ่าเกินจริง ‘ศุภณัฐ’ ซัดมีห้องหรูหราเกิน แถมหน่วยงานส่วนใหญ่ไม่มา ด้าน ‘สุรเชษฐ์’ ซ้ำแผลซื้อของแพง

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 14 สิงหาคม 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายงบประมาณของกระทรวงคมนาคม โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างอาคารกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ 18.75 ไร่ 3,832 ล้านบาท

นายศุภณัฐกล่าวตอนหนึ่งว่า ตึกใหม่ดังกล่าวมีเนื้อที่ใช้สอย 22 ชั้น 115,196 ตารางเมตร แบ่งพื้นที่สำนักงาน 67,354 ตารางเมตร และพื้นที่จอดรถ 47,843 ตารางเมตร มีการออกแบบโอ่อ่า ใหญ่โต แบ่งแยกส่วนของรัฐมนตรีและข้าราชการทั่วไป เช่น ห้องอาหารมีทั้งเกรดธรรมดา เกรด VIP ซึ่งสำหรับรัฐมนตรีมีการออกแบบห้องอาหารส่วนตัวให้ทุกห้อง แต่ก็ยังมีห้องอาหาร VIP กลางเพิ่มมาอีก นอกจากนี้ ยังมีการออกแบบห้องฟิตเนส ห้องเวทเทรนนิ่ง คาดิโอ ห้องปฏิบัติธรรม ออกแบบจุดชมวิว ห้องออดิทรอเรียม ห้องแถลงข่าวที่รับความจุได้ 120 ที่นั่ง

ทั้งนี้ นายศุภณัฐเสนอว่า ควรตัดโครงการออกทั้งหมด เนื่องจากการประเมินต้นทุนทั้งหมดยังไม่ได้รวมมูลค่าที่ดินบริเวณสถานีกลางบางซื่ออีก 2,250 ล้านบาท เมื่อรวมกับค่าคุมงาน ค่าจ้างออกแบบ และก่อสร้าง การก่อสร้างตึกนี้จะมีมูลค่ารวม 5,810 ล้านบาท นอกจากนี้ หากคำนวณตัวเลขค่าเช่าที่หน่วยงานซึ่งมีการเปิดเผยว่า จะมาอาศัยตึกดังกล่าว อาทิ สำนักปลัดกระทรวงคมนาคม, กรมการขนส่งทางราง, สถาบันวิจัยระบบราง และบจ.เอสอาร์ทีแอสเสท ซึ่งรวมแล้วมีค่าเช่าอาคารสถานที่รวมกัน 59 ล้านบาท/ปี หมายความว่าเช่าที่เดิมสัก 100 ปียังถูกกว่าสร้างใหม่

นอกจากนี้ ที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เคยชี้แจงว่า จะมีหน่วยงานใหญ่มาอยู่ รวมจำนวนข้าราชการพนักงานเกือบ 80,000 คนนั้นก็ไม่จริง เพราะย้ายมาแค่ 5 หน่วยงาน อัตรากำลังเพียง 1,018 คนเท่านั้น หน่วยงานใหญ่ๆทั้งกรมทางหลวง, กรมทางหลวงชนบท, การรถไฟแห่งประเทศไทย, การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ไม่มีใครย้ายมา และการก่อสร้างก็ใหญ่่กินจำเป็นทั้งๆที่ระเบียบสำนักงบประมาณระบุไว้ แต่กระทรวงคมนาคมไม่ปฏิบัติตาม

“จริงๆหน่วยงานที่มีระบุจะย้ายมา ต้องการพื้นที่ใช้สอยแค่ 18,149 ตารางเมตรเท่านั้น แต่มาของบสร้างอาคารที่มีพื้นที่ใช้สอยใหญ่กว่าเดิม 3 เท่า ถ้าโครงการที่เหมาะสมจะใช้เงินแค่ 1,200 ล้านบาท แต่ขอมา 3,800 ล้านบาท ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น พรรคเพื่อไทยแบกตึกนี้ทั้งพรรค ทำให้ประเทศเสียงบประมาณฟรีๆ 2,600 ล้านบาท นี่จึงเป็นเหตุผลที่ต้องปรับลดงบประมาณในส่วนนี้” นายศุภณัฐกล่าวจบ

ด้านนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายในประเด็นเดียวกันว่า จากที่คณะกรรมาธิการฯตัดงบประมาณในส่วนนี้เพียง 10% โดยการก่อสร้างโอ่อ่า อลังการไปมาก มีห้องประชุมเยอะเกินจำเป็น และออกแบบให้มีพื้นที่โล่ง แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ โดยตึกใหม่นี้มีพื้นที่ใช้สอย 115,196 ตารางเมตร มีอัตรากำลังข้าราชการใช้ประโยชน์ที่ 928 คน โดยมอัตราเฉลี่ย 1 คนใช้พื้นที่ 124 ตารางเมตร มากกว่าตึกเดิมที่ข้าราชการแต่ละคนจะมีพื้นที่ใช้สอย 21 ตารางเมตร/คน คิดเป็นพื้นที่เพิ่มขึ้น 6 เท่า

นายสุรเชษฐ์กล่าวต่อว่า การก่อสร้างพื้นที่ต่างๆมีความโอ่อ่ามาก เช่น ห้องออดิทรอเนียมที่เจาะจากพื้นที่ชั้น 9 ขึ้นไปถึงชั้น 10 มีขนาด 631 ตารางเมตร ใหญ่ห้องชมภาพยนตร์ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอนอีก ส่วนห้องรัฐมนตรีเหมายกชั้น 22 มีทั้งห้องเกียรติคุณ, วอร์รูม, ห้องทีมงาน มีห้องนั่งเล่นริมสระอยู่บนชั้น 5 เป็นต้น

นอกจากนี้ นายสุรเชษฐ์ยังระบุถึงการจัดซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่มีราคาแพง เช่น เก้าอี้ในห้องสมุดที่มีการตั้งราคาที่ 200,000 บาท, เก้าอี้แบบสตูดิโอที่บอกราคาที่ 2 ชุดประมาณ 111,000 บาท, โต๊ะตัวละ 200,000 บาท, ชี้ให้เห็นว่า เป็นการออกแบบที่ไม่สอดคล้องกับเอกสารแสดงราคากลางในการก่อสร้างที่ใช้ในขั้นตอนการหาผู้รับเหมาก่อนก่อสร้างอาคาร (BOQ) ซึ่งสำนักงบประมาณเคยมีระเบียบที่กำหนดว่า หากแบบกับ BOQ ไม่สอดคล้องกัน ต้องกลับไปทำมาใหม่ให้เรียบร้อยก่อน จึงจะของงบประมาณได้

“จากข้อสังเกตที่ว่า โอ่อ่าอลังการ, ยัดไส้ของราคาแพง และแบบไม่สอดคล้องกับ BOQ แต่ก็ผ่านการกลั่นกรองมาเป็นมึนๆ ดังนั้น ควรกลับไปออกแบบมาใหม่ ไม่ใช่ลดราคาลงมา 10%” นายสุรเชษฐ์กล่าวจบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงคมนาคมเสนอคำขอโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ย่านบางซื่อในร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 รวม 3,832 ล้านบาท ผูกพันงบประมาณ 3 ปี ได้แก่ ปี 2569 ที่ 574 ล้านบาท, ปี 2570 ที่ 1,628 ล้านบาท และ 2571 ที่ 1,628 ล้านบาท

ทั้งนี้ กรรมาธิการฯได้ปรับลดงบประมาณในส่วนนี้ลง 58,910,400 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้างปรับลดลง 57,480,000 บาท และค่าคุมงานปรับลดลง 1,430,400 บาท