
ปปง.ยึดอายัดทรัพย์ 4.5 ล้าน จนท.ด่านตาชั่งลอยกับพวก เรียกเก็บส่วยรถบรรทุกน้ำหนักเกิน แลกไม่ดำเนินคดี ทั้ง ห้องชุด บางแสน ที่ดิน 8 แปลง จ.เชียงใหม่ เงินฝาก รวม 15 รายการในชื่อ 5 บุคคล โดนร้อง ตร.ปปป. คดีอยู่ในชั้นอัยการ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มี คำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย. 120/2568 เรื่อง ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว รายนายนพดลกับพวกซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ชุดตาชั่งลอย ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา และความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น เป็นทรัพย์สิน 15 รายการ มีชื่อบุคคลรวม 5 คน ถือครอง ประกอบด้วย ด้วย ห้องชุดในอ.บางแสน จ.ชลบุรี 1 ห้อง ที่ดินตามโฉนดที่ดิน 8 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ในชื่อนายนพดล นายบุญมา และนางหยาดอรุณ และ เงินในบัญชีเงินฝาก ชื่อนายนพดลกับพวก จำนวน 6 บัญชี รวมมูลค่าทั้งสิ้น 4,505,758.24 บาท (ดูเอกสารท้ายข่าว)
คำสั่งระบุ พฤติการณ์นายนพดลกับพวก (ชุดตาซึ่งลอย) ได้ไปปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบรถบรรทุกในพื้นที่ต่าง ๆ และทำการเรียกตรวจ และจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินบนถนนทางหลวง ส่งดำเนินคดี มีพฤติการณ์ในการตรวจจับผู้ประกอบการเดิม ซ้ำ ๆ กัน เพื่อเป็นการบีบบังคับทางอ้อมให้กิจการของผู้ประกอบการรายนั้นต้องหยุดชะงัก ซึ่งในระหว่างจับกุม หรือหลังจากจับกุมดำเนินคดีแล้ว นายนพดลกับพวก จะทำการติดต่อผู้ประกอบการเจ้าของรถบรรทุก เพื่อบีบบังคับให้จ่ายส่วยเพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี ต่อมาพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 3 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ รับคำร้องทุกข์ไว้ดำเนินคดี เป็นคดีอาญา ที่ 7/2567 ลงวันที่ 3 กันยายน 2567 โดยพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 2 ภาค 3
คำสั่งมีรายละเอียดดังนี้
@เปิดรายละเอียดคำสั่ง-รับเรื่องจาก ตร.ปปป.
คำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย. 120/2568 เรื่อง ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว
ด้วยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้รับรายงานจากกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ตามหนังสือที่ ตช 0026.(10)3/676 ลงวันที่ 17 กันยายน 2567 เรื่อง รายงานการดำเนินคดีความผิดมูลฐาน ราย นายนพดลกับพวก ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา และความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น กล่าวคือ
เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2567 เจ้าพนักงานตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้จับกุมนายนพดล(ปิดบังชื่อสกุล) กับพวก ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิด ความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
@พฤติการณ์ตรวจจับซ้ำๆ บีบเจ้าของรถจ่ายส่วยแลกไม่ดำเนินคดี
พฤติการณ์คือ นายนพดลกับพวก (ชุดตาชั่งลอย) ได้ไปปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบรถบรรทุกในพื้นที่ต่าง ๆ และทำการเรียกตรวจ และจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินบนถนนทางหลวง ส่งดำเนินคดี มีพฤติการณ์ในการตรวจจับผู้ประกอบการเดิม ซ้ำ ๆ กัน เพื่อเป็นการบีบบังคับทางอ้อมให้กิจการของผู้ประกอบการรายนั้นต้องหยุดชะงัก ซึ่งในระหว่างจับกุมหรือหลังจากจับกุมดำเนินคดีแล้ว นายนพดลกับพวก จะทำการติดต่อผู้ประกอบการเจ้าของรถบรรทุก เพื่อบีบบังคับให้จ่ายส่วยเพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี
โดยพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 3 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ รับคำร้องทุกข์ไว้ดำเนินคดี เป็นคดีอาญา ที่ 7/2567 ลงวันที่ 3 กันยายน 2567 โดยพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 2 ภาค 3 อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (5) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า นายนพดลกับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว
@พบทรัพย์สินเกี่ยวข้อง 15 รายการ
ในการนี้ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 12/2567 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2567 ที่ประชุม มีมติมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ประกอบกับคำสั่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ลับ ที่ ม. 632/2567 ลงวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เรื่อง มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด รายนายนพดลกับพวก พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบรายงานการทำธุรกรรมหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของบุคคลดังกล่าวแล้ว
ปรากฏหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่า นายนพดลกับพวก มีพฤติการณ์แห่งการกระทำเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา และความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่นอันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (5) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 หรือเป็นผู้ซึ่งเกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทำความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน และจากการตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด รวมทั้งจากการรวบรวมพยานหลักฐาน ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 15 รายการ พร้อมดอกผล
และเนื่องจากทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีนี้ เป็นสังหาริมทรัพย์ ประเภทเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร อันเป็นทรัพย์สินที่สามารถโอนยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นได้โดยง่ายและอสังหาริมทรัพย์ประเภทห้องชุด ที่ดินตามโฉนดที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อันเป็นทรัพย์สินที่ปรากฏหลักฐาน ในทางทะเบียนในการเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือผู้มีสิทธิครอบครอง โดยผู้มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้มีสิทธิ ครอบครองอาจดำเนินการทางนิติกรรมโอนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือผู้มีสิทธิครอบครองในทางทะเบียนได้ หากมิได้มีการออกคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินดังกล่าวไว้ชั่วคราว เมื่อเจ้าของหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีสิทธิในทรัพย์สินดำเนินการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าวไปเสีย และต่อมาหากศาลได้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน สำนักงาน ปปง. อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์สินดังกล่าวกลับคืนมาได้ จึงเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า นายนพดลกับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และอาจมีการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สิน ดังกล่าว
@สั่งยึดอายัด 4.5 ล.
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 34 (3) และมาตรา 48 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มติคณะกรรมการธุรกรรมในการประชุม ครั้งที่ 6/2568 เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 และระเบียบคณะกรรมการธุรกรรมว่าด้วยการรับเรื่องการตรวจสอบ การพิจารณาดำเนินการ และการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2556 ข้อ 25 คณะกรรมการธุรกรรม จึงมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว จำนวน 15 รายการ รวมราคา ประเมินจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 4,505,758.24 บาท (สี่ล้านห้าแสนห้าพันเจ็ดร้อยห้าสิบแปดบาทยี่สิบสี่สตางค์) พร้อมดอกผล มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติ กล่าวคือ นับตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2568 โดยมีรายการทรัพย์สินที่ยึด และอายัดปรากฏตามบัญชีทรัพย์สินแนบท้ายคำสั่งนี้
ทั้งนี้ ให้รวมถึงเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการจำหน่าย จ่าย โอนด้วยประการใด ๆ ซึ่งทรัพย์สิน ดังกล่าวหรือสิทธิเรียกร้องหรือผลประโยชน์หรือดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินดังกล่าวด้วย
ในกรณีผู้ซึ่งถูกยึดหรืออายัดทรัพย์สินตามคำสั่งนี้หรือผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินดังกล่าว ประสงค์จะขอให้มีการเพิกถอนคำสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สินดังกล่าวนั้น ให้ยื่นคำขอเป็นหนังสือต่อเลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พร้อมด้วยหลักฐานที่เกี่ยวข้องที่แสดงว่าเงินหรือทรัพย์สินที่ถูกยึดหรืออายัดดังกล่าวนั้น มิใช่ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเป็นหนังสือ






Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา