พาณิชย์สหรัฐฯ เผยทำข้อตกลงการค้าไทย-กัมพูชาแล้ว อ้างเป็นผลงานทรัมป์ใช้ภาษีกดดันหยุดยิง

รมว.พาณิชย์สหรัฐฯ เผยทำข้อตกลงการค้าไทย-กัมพูชาแล้ว ก่อนเส้นตาย 1 ส.ค. โวเป็นความสำเร็จจาก ปธน.ทรัมป์ใช้เรื่องเจรจาภาษีมากดดันหยุดยิง ขณะฝ่ายกัมพูชายังโทษไทยอ้างละเมิดข้อตกลง 2 ครั้ง ด้านข้าหลวงใหญ่ UN จี้ 2 ฝ่ายเคารพข้อตกลง

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวทั้งกรณีการเจรจาการค้าและข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชาจากสำนักข่าวเซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ว่า สหรัฐฯ ได้ทำข้อตกลงการค้ากับกัมพูชาและไทยก่อนกำหนดเส้นตาย มาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่กำหนดไว้เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ตามคำให้สัมภาษณ์ของนายโฮเวิร์ด ลัทนิค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม

นายลัทนิค ให้ความเห็นดังกล่าวในระหว่างการสัมภาษณ์กับนายฌอน แฮนนิตี้ จาก Fox News แต่เขาไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมแต่อย่างใด

“มันเหลือเชื่อมาก และเนื่องจากประธานาธิบดีทรัมป์ ใช้การค้าเป็นเรื่องต่อรอง เขาจึงได้เชิญผมคุยโทรศัพท์ และผมก็ฟังเขาคุยโทรศัพท์ทั้งวันวันเสาร์ ตอนที่เขาโทรไปที่กัมพูชา ประเทศไทย” นายลัทนิคกล่าวและกล่าวอีกว่า

“แล้ววันจันทร์จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ? พวกเขาประกาศสงบศึก และวันนี้เราก็ทำสำเร็จแล้ว เราทำข้อตกลงการค้ากับกัมพูชาและไทย”

อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวและกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ไม่ได้ให้รายละเอียดในการทำข้อตกลงการค้าเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตามยังคงมีรายงานข่าวเรื่องการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่ทำไว้เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมาเป็นระยะ โดยความเคลื่อนไหวจากฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ระบุว่าเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กล่าวหาไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง 2 ครั้ง

ด้านนางคูน ซูดารี ประธานรัฐสภากัมพูชา เรียกร้องให้ประเทศอื่นๆ ช่วยกันให้แน่ใจว่าการหยุดยิงจะได้รับการยืนยัน

“เพื่อป้องกันการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง จำเป็นต้องส่งคณะผู้สังเกตการณ์และคณะตรวจสอบระหว่างประเทศอย่างเร่งด่วน โปรดนำตัวผู้ที่ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงมาลงโทษ” นางคูนกล่าว ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรโลก ครั้งที่ 6 ณ กรุงเจนีวา เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

ด้านนายโวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเต็มที่ และดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและสันติภาพ

“ข้อตกลงสำคัญนี้ต้องได้รับการเคารพอย่างเต็มที่ด้วยความจริงใจจากทั้งสองฝ่าย ขณะที่ความพยายามทางการทูตยังคงดำเนินต่อไป เพื่อแก้ไขสาเหตุหลักของความขัดแย้ง” นายเติร์กกล่าว