
ครม.เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ไฟฟ้า ‘พลังงานแสงอาทิตย์’ เปิดทางติดตั้ง ‘Solar Rooftop’ โดยไม่ต้องขออนุญาต แค่แจ้ง ‘อธิบดี พพ.’ ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน
.......................................
เมื่อวันที่ 29 ก.ค. น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ.....ตามที่กระทรวงพลังงาน เสนอ และให้ส่งร่างกฎหมายไปให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน พร้อมทั้งมีมติรับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว
สำหรับสาระสำคัญของ ร่าง พ.ร.บ. ส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ.... มีดังนี้
1.กำหนดให้มีการแจ้งการติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อใช้เองในที่อยู่อาศัยหรือสถานประกอบกิจการ ต่ออธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน โดยไม่ต้องขออนุญาตการติดตั้งจากหน่วยงานของรัฐอีก และได้กำหนดหลักเกณฑ์การติดตั้งอุปกรณ์ Solar rooftop
2.กำกับให้มีการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตได้จาก Solar Rooftop เฉพาะในสถานที่ติดตั้งเท่านั้น
3.กำหนดหลักเกณฑ์การติดตามและการจัดการซากอุปกรณ์ และกำหนดหลักเกณฑ์การห้ามถอดแยกชิ้นส่วนซากอุปกรณ์ของ Solar Rooftop หลังหมดอายุการใช้งานแล้ว โดยให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยของประชาชน
4.กำหนดหน้าที่และอำนาจของเจ้าพนักงาน เพื่อตรวจสอบ และติดตามการติดตั้งอุปกรณ์ให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้
5.กำหนดบทลงโทษสำหรับการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่ง ร่าง พ.ร.บ.ฯ
“ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว มีสาระสำคัญเป็นการแจ้งและกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) สำหรับใช้เองในที่อยู่อาศัยและในสถานประกอบการ โดยมีการกำกับดูแลกระบวนการติดตั้งอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ให้มีมาตรฐานด้านความปลอดภัยและวิศวกรรม
รวมทั้งการจัดการซากอุปกรณ์หลังหมดอายุการใช้งานเพื่อไม่ให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าของประชาชน และลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของประเทศ ตลอดจนเป็นการลดการพึ่งพาพลังงานการนำเข้าจากต่างประเทศ” น.ส.ศศิกานต์ กล่าว
ทั้งนี้ ปัจจุบันกำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยมีประมาณ 55,707 เมกะวัตต์ โดย 29% หรือ 16,261 เมกะวัตต์ เป็นการผลิตไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ส่วนอีก 71% เป็นการนำเข้าไฟฟ้าจากต่างประเทศและการจ้างเอกชนผลิตไฟฟ้า ขณะที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงและพลังงานทุกประเภทเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 25,000 เมกะวัตต์ (รวมถึงการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์)
น.ส.ศศิกานต์ ระบุว่า ในการพิจารณาวาระดังกล่าว ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเห็นชอบและไม่ขัดข้องต่อหลักการ โดยมีข้อสังเกตและความเห็น เช่น กระทรวงการคลังเห็นว่า ภาครัฐต้องมีการกำหนดกลไกและแนวทางที่ชัดเจนในการให้รัฐวิสาหกิจกลุ่มไฟฟ้าเข้าถึงข้อมูลที่เป็นปัจจุบันของการติดตั้ง Solar Rooftop และควรกำหนดให้มีกลไกที่สร้างความมั่นใจได้ว่าการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ติดตั้งกับระบบโครงข่ายไฟฟ้าเป็นไปอย่างถูกต้องและมีความปลอดภัยตามมาตรฐาน
ส่วนกระทรวงมหาดไทยเห็นว่า การกำหนดให้การผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยไม่อยู่ภายใต้บังคับว่าด้วยการผังเมือง อาจทำให้การใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ต่างๆ ที่ถูกกำหนดไว้ตามผังเมืองไม่เป็นไปตามความมุ่งหมายของการวางและจัดทำผังเมือง
ขณะที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเห็นว่า ควรมีการทบทวนบทลงโทษให้สอดคล้องกันระหว่างระดับความร้ายแรงของการกระทำผิดกับบทลงโทษที่ใช้กับมาตรการต่างๆ และควรเพิ่มเติมหลักการและกลไกในการบริหารซาก Solar Rooftop ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา