
“...เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เราจะมาสู้กันเอง สิ่งที่เกิดขึ้นดิฉันก็ต้องขออภัยในความที่ไม่ทราบจริงๆว่า มีการอัดคลิปแบบนี้เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เอง ดิฉันรับทราบดี แล้วก็ต่อจากนี้จะระวังในเรื่องของการพูดคุยให้มากขึ้นค่ะ และแน่นอนว่าทางกองทัพที่เราคุยกันเรามั่นใจอย่างหนึ่งว่า ถ้าเรารวมกันเป็นหนึ่ง ถ้าเราสามัคคีกันเราจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ด้วยกันอย่างแข็งแรงค่ะ…”
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 19 มิ.ย. 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่ากากระทรวงกลาโหม, พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) , พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) , พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) , พลเอก ธราพงษ์ มะละคำ รองปลัดกระทรวงกลาโหม, พลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เสนาธิการทหารเรือ และพลอากาศเอก วชิระพล เมืองน้อย เสนาธิการทหารอากาศผู้บัญชาการเหล่าทัพ และหน่วยงานความมั่นคง แถลงหลังเรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคงเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขออภัยพี่น้องคนไทยทุกคนที่มีคลิปเสียงหลุดออกมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้น ต้องขอโทษที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ซึ่งได้มีโอกาสพูดคุยกับทางกองทัพและพล.ท. บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 แล้วว่าเป็นเทคนิคการสื่อสารเจรจา เพื่อไม่ให้มีการปะทะกัน ซึ่งไม่ทราบจริงๆว่ามีการอัดคลิปเผยแพร่ โดยทางกองทัพก็รับฟัง วันนี้เราต้องร่วมมือกันเพื่อผนึกกำลังกันคนไทยทุกคนก็ต้องผนึกกำลังไว้เช่นกัน แล้ววันนี้ทุกภาคส่วนได้สรุปว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่ภัยคุกคามเล็กๆอีกต่อไป ไม่ใช่เวลาที่จะให้รัฐบาลกับกองทัพมาสู้กันเอง เราต้องปกป้องอธิปไตยของเราไว้นี่คือสิ่งที่เห็นตรงกันและยินดีที่จะสนับสนุนกองทัพทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนใดๆก็ตาม
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า การจะทำอะไรหรือตัดสินใจในมิติต่างๆจะต้องคิดถึงประชาชนคนไทยที่อยู่ในกัมพูชาด้วย และแน่นอนรวมถึงประชาชนบริเวณชายแดนด้วย ซึ่งจะต้องให้ความมั่นใจและความปลอดภัย สวนทางกระทรวงการต่างประเทศได้ย้ำถึงการดำเนินการในแนวทางสันติวิธีผ่านกระบวนการทวิภาคี จะได้มีการเชิญเอกอัครราชทูตของกัมพูชาประจำประเทศไทยมารับหนังสือประท้วง เพื่อแสดงความผิดหวังอย่างยิ่งของผู้นำกัมพูชา ซึ่งทุกประเทศทั่วโลกไม่มีใครทำแบบนี้ คือ ไม่มีการบอกก่อนว่าจะมีการอัดเสียงการคุยกัน เพราะในการโทรศัพท์พูดคุยกันนั้นเป็นการใช้มือถือส่วนตัวในการติดต่อ เพราะฉะนั้นการกระทำแบบนี้ไม่ควรเป็นที่ยอมรับของคนทั้งโลก รัฐบาลและกองทัพขอแสดงความรับผิดชอบในเรื่องของการปกป้องอธิปไตย และขอยืนยันอีกครั้งว่ารัฐบาลกับกองทัพเป็นหนึ่งเดียวกัน จึงต้องขอให้พี่น้องประชาชนเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเราด้วยเพื่อที่จะสามัคคีและปกป้องอธิปไตย
“เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เราจะมาสู้กันเอง สิ่งที่เกิดขึ้นดิฉันก็ต้องขออภัยในความที่ไม่ทราบจริงๆว่า มีการอัดคลิปแบบนี้เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เอง ดิฉันรับทราบดี แล้วก็ต่อจากนี้จะระวังในเรื่องของการพูดคุยให้มากขึ้นค่ะ และแน่นอนว่าทางกองทัพที่เราคุยกันเรามั่นใจอย่างหนึ่งว่า ถ้าเรารวมกันเป็นหนึ่ง ถ้าเราสามัคคีกันเราจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ด้วยกันอย่างแข็งแรงค่ะ” นายกรัฐมนตรีกล่าวจบ

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย มีรายงานว่า ทางพรรคประชาสัมพันธ์แจ้งแถลงข่าวกรณีคลิปสนทนาในเวลา 12.00 น. โดยในห้องแถลงข่าวของพรรคมีผู้สื่อข่าวจำนวนหนึ่ง พอใกล้ ๆ เวลา 12.00 น. เจ้าหน้าประชาสัมพันธ์ของพรรคเพื่อไทยมาแจ้งผู้สื่อข่าวว่า "ถ้าใครมีหมายข่าวที่อื่นก็ไปหมายข่าวอื่นก่อนได้ เพราะเลื่อนแถลงยังไม่มีกำหนด ต้องรอทางทำเนียบแถลงก่อน"ต่อมาเวลาประมาณ 13.35 น. เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์พรรคเพื่อไทยแจ้งว่าแถลงข่าวไม่เกิน 13.30 น.

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา