
ป.ป.ช.ยะลา เผยมติที่ประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ ชี้มูลความผิด 'แอศฮัม เฮ็งปิยา รองนายกอบต. ท่าธง อำเภอรามัน จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ 3 วาระ เลยเวลาเป็นร้อยวัน ส่งเรื่องศาลฏีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วินิจฉัยลงโทษทางอาญา-เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดยะลา ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ชี้มูลความผิด นายแอศฮัม เฮ็งปิยา รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ท่าธง อำเภอรามัน จังหวัดยะลา จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด (กรณีเข้ารับตำแหน่ง ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2565 ยื่นล่าช้ากว่าที่กฎหมายกำหนด จำนวน 580 วัน, กรณีพ้นจากตำแหน่ง ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2565 ยื่นล่าช้ากว่าที่กฎหมายกำหนด จำนวน 239 วัน และกรณีเข้ารับตำแหน่ง ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ยื่นล่าช้ากว่าที่กฎหมายกำหนด จำนวน 179 วัน)
เห็นควรเสนอเรื่องให้ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และขอให้ลงโทษทางอาญา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) มาตรา 81 และมาตรา 167
สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดยะลา ระบุพฤติการณ์ในการกระทำความผิดว่า นายแอศฮัม เฮ็งปิยา เข้ารับตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าธง ตำบลท่าธง อำเภอรามัน จังหวัดยะลา ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2565 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 102 (9) แต่นายแอศฮัม เฮ็งปิยา ไม่ดำเนินการยื่นบัญชีฯ และเอกสารประกอบภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ภายในเวลา 60 วัน นับถัดจากวันเข้ารับตำแหน่ง ครบกำหนดต้องยื่นบัญชีฯ วันที่ 11 มีนาคม 2565 ซึ่งนายแอศฮัม เฮ็งปิยา ไม่ได้ยื่นคำขอขยายระยะเวลายื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน และไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด
นายแอศฮัม เฮ็งปิยา พ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าธง ตำบลท่าธง อำเภอรามัน จังหวัดยะลา ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2565 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 102 (9) แต่นายแอศฮัม เฮ็งปิยา ไม่ดำเนินการยื่นบัญชีฯ และเอกสารประกอบภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ภายในเวลา 60 วัน นับถัดจากวันพ้นจากตำแหน่ง ครบกำหนดต้องยื่นบัญชีฯ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งนายแอศฮัม เฮ็งปิยา ไม่ได้ยื่นคำขอขยายระยะเวลายื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน และไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด
นายแอศฮัม เฮ็งปิยา เข้ารับตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าธง ตำบลท่าธง อำเภอรามัน จังหวัดยะลา ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 102 (9) แต่นายแอศฮัม เฮ็งปิยา ไม่ดำเนินการยื่นบัญชีฯ และเอกสารประกอบภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ภายในเวลา 60 วัน นับถัดจากวันเข้ารับตำแหน่ง ครบกำหนดต้องยื่นบัญชีฯ วันที่ 16 เมษายน 2565 ซึ่งนายแอศฮัม เฮ็งปิยา ไม่ได้ยื่นคำขอขยายระยะเวลายื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน และไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด
สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดยะลา มีหนังสือ ลับ ด่วนที่สุด แจ้งให้นายแอศฮัม เฮ็งปิยา ทราบว่ายังไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินพร้อมเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยส่งหนังสือไปยังที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลท่าธง โดยกำหนดเวลาให้ดำเนินการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ ภายใน 30 วัน นับรวมหนังสือทั้งสิ้น 5 ฉบับ แต่นายนายแอศฮัม เฮ็งปิยา ยังคงไม่ดำเนินการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน หรือยื่นคำขอขยายระยะเวลายื่นบัญชีฯ และไม่มีการติดต่อสอบถามกลับมาแต่อย่างใด
สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดยะลา มีหนังสือ ลับ ด่วนที่สุด ที่ ปช 0040 (ยล)/0662 ลงวันที่ 19 กันยายน 2566 แจ้งให้นายแอศฮัม เฮ็งปิยา ไปรับทราบข้อกล่าวหา ในวันที่ 28 กันยายน 2566 ที่สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดยะลา โดยนำหนังสือไปส่งให้ยังที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลท่าธง
นายแอศฮัม เฮ็งปิยา มารับทราบข้อกล่าวหาว่า จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินพร้อมเอกสารประกอบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาทรัพย์สินและหนี้สิน ตามมาตรา 114 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2566 และให้ชี้แจงข้อกล่าวหาภายในวันที่ 13 ตุลาคม 2566 นายแอศฮัม เฮ็งปิยา เดินทางมาชี้แจงข้อกล่าวหาพร้อมเอกสารประกอบ ตามหนังสือลงวันที่ 12 ตุลาคม 2566 ชี้แจงว่าไม่ได้จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ แต่อย่างใด พร้อมได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินพร้อมเอกสารประกอบมาในวันดังกล่าวด้วย (กรณีเข้ารับตำแหน่ง ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2565 ยื่นล่าช้ากว่าที่กฎหมายกำหนด จำนวน 580 วัน, กรณีพ้นจากตำแหน่ง ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2565 ยื่นล่าช้ากว่าที่กฎหมายกำหนด จำนวน 239 วัน และกรณีเข้ารับตำแหน่ง ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ยื่นล่าช้ากว่าที่กฎหมายกำหนด จำนวน 179 วัน)
สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดยะลา ได้พิจารณาจากข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า นายแอศฮัม เฮ็งปิยา เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามประกาศของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายแอศฮัม เฮ็งปิยา ทราบดีว่าตนมีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. รวมทั้งสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดยะลา ได้มีหนังสือแจ้งเตือนให้นายแอศฮัม เฮ็งปิยา ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. จำนวนทั้งสิ้น 5 ฉบับ ก็ยังคงเพิกเฉยไม่ดำเนินการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน โดยนายแอศฮัม เฮ็งปิยา ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ทั้ง 3 วาระนั้น ภายหลังมีการแจ้งข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้ชี้แจงข้อกล่าวหาแล้ว พฤติการณ์ดังกล่าวจึงเป็นการจงใจเพิกเฉยต่อหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย มีเจตนาหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบ คำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาฟังไม่ขึ้น นายแอศฮัม เฮ็งปิยา มีพฤติการณ์จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สิน ตามมาตรา 114 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปรามปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ครั้งที่ 6/2568 วันที่ 15 มกราคม 2568 พิจารณาแล้ว มีมติด้วยคะแนนเสียง 4 ต่อ 2 เห็นว่านายแอศฮัม เฮ็งปิยา รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าธง อำเภอรามัน จังหวัดยะลา จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง(ครั้งที่ 1) เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2565, กรณีพ้นจากตำแหน่ง(ครั้งที่ 1) เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2565 และกรณีเข้ารับตำแหน่ง(ครั้งที่ 2) เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ๒๕๖6 ให้เสนอเรื่องให้ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และขอให้ลงโทษทางอาญา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) มาตรา 81 และมาตรา 167
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา