
DSI เข้าค้น 4 จุด บ.ไชน่า เรลเวย์ 10-กิจการร่วมค้า PKW ยึดเอกสารคดีนอมินี-ตึก สตง.ถล่ม ขณะรองอธิบดี DSI เผยคดีคืบหน้าไปมาก จนทราบว่ามีกลอุบายฟันราคาแล้วมาลดงานภายหลัง ขณะ บช.น.เผยสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องแล้ว 117 ปาก
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอได้เผยแพร่เอกสารข่าวแจกระบุว่าเมื่อวันที่ 17 เม.ย. เวลา 09.00 น.เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ พร้อมด้วยวิศวกรจากกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้นำหมายค้นของศาลอาญาเข้าตรวจค้นบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัทกิจการร่วมค้า PKW ซึ่งเป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้าง โดยมีการค้นรวม 4 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 บริษัท คาร์ฮัพ จำกัด จุด 2 บริษัท กิจการร่วมค้า PKW จุด 3 บริษัท ว.และสหาย และจุด 4 บริษัท PN ซิงโครไนส์ เพื่อพบและตรวจยึดพยานหลักฐานต่าง ๆ เพื่อประกอบการสอบสวนดำเนินคดี เบื้องต้นพบและตรวจยึดพยานเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคารดังกล่าวและการประกอบธุรกิจได้เป็นจำนวนมากและมีการตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินโครงการก่อสร้างในเรื่องนี้มาตรวจสอบด้วย และจะเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำประกอบพยานหลักฐานโดยเร็ว
อนึ่งการตรวจค้นดังกล่าวนั้นอยู่ภายใต้ข้อสั่งการของพันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ได้มอบหมายให้ ร้อยตำรวจเอก สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 32/2568 นำเจ้าหน้าที่ไปดำเนินการตรวจค้น กรณี คดีความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 และความผิดที่เกี่ยวข้อง กรณีอาคารของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างถล่มพังเสียหายในเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา
ร้อยตำรวจเอก สุรวุฒิกล่าวภายหลังจากการตรวจค้นว่า “คดีนอมินีมีความคืบหน้าไปมากทั้งเรื่องพยานหลักฐานเส้นทางการเงินที่พิสูจน์ทุนและการถือครองหุ้นแทนคนต่างด้าวขณะนี้มีการรวบรวมพยานหลักฐานในเรื่องการทำให้การแข่งขันในการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐไม่เป็นธรรม จนได้โครงการมาว่ามีการใช้กลอุบาย “ฟันราคา” แล้วมาลดงานภายหลัง อันจะเป็นความผิดตามกฎหมายฮั้วประมูลหรือพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือไม่ ซึ่งต้องเร่งทำความจริงให้ปรากฏ”





















ต่อมาในช่วงเวลา 17.00 น. ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น ) เปิดเผยระหว่างการร่วมประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีอาคาร สตง.แห่งใหม่ถล่ม โดยกล่าวว่าในส่วนของการสอบปากคำ ขณะนี้ สอบปากคำไปแล้ว แบ่งเป็นผู้บาดเจ็บ 7 ราย ,ประจักษ์พยาน 55 ราย ญาติผู้เสียชีวิต 26 ราย และผู้เกี่ยวข้อง ทั้งผู้แทนผู้ว่าจ้างคือ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. และผู้แทนคู่สัญญารับจ้างออกแบบ,ผู้แทนคู่สัญญารับจ้างงานก่อสร้าง,ผู้แทนคู่สัญญารับจ้างควบคุมงาน,ผู้ตรวจรับวัสดุของสตง. และเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมือง รวม 29 ปาก ทำให้รวมตอนนี้สอบปากคำไปแล้ว 117 ปาก แต่การสอบปากคำยังไม่เสร็จสิ้น
ส่วนในเรื่องของการเก็บหลักฐานหน้างาน พนักงานสอบสวน ได้ร่วมกับกองพิสูจน์หลักฐาน กรมโยธาธิการและผังเมือง และDSI เข้าเก็บหลักฐานและวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างได้แก่ เหล็กเส้น 193 ชิ้น คอนกรีต 36 รายการ โดยได้ส่งให้ทำการตรวจสอบแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนปากคำ
รวมถึงขณะนี้ พนักงานสอบสวนได้มีการออกหมายเรียกผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งการออกแบบ การรับเหมาก่อสร้าง การควบคุมงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการลงนามลายเซ็นต์ในการออกแบบ ให้เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานงาน ซึ่งผู้ออกแบบ และผู้ควบคุมงาน ขณะนี้ ก็ทยอยเข้ามาให้ปากคำแล้ว โดยผู้ออกแบบ ของทั้ง2บริษัทเข้ามาให้ปากคำแล้ว3ราย และยังขาดอีก 2 ราย
ส่วนกรณีของนาย ปฏิวัติ ศิริไทย ผู้ถือหุ้นใหญ่ ของบริษัท พีเอ็นซิงค์โครไนซ์ จำกัด หนึ่งในกิจการร่วมค้า PKW ที่ สตง.จ้างควบคุมงานก่อสร้าง จะต้องเรียกมาให้ปากคำด้วยหรือไม่นั้น พล.ต.ต.นพศิลป์ ระบุว่า ได้นัดหมายเรียกมาสอบปากคำวันที่ 21 เม.ย.นี้ ทั้งนี้ การเรียกสอบปากคำ ตำรวจได้ออกหมายเรียกตั้งแต่มีการตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนแล้ว แต่ บางรายก็ขอเลื่อนจึงได้ออกหมายเรียกซ้ำ ดังนั้นหลังจากนี้หากยังไม่มา ก็จะให้ฝ่ายสืบสวนไปติดตามตัวเพื่อมาให้ปากคำในข้อเท็จจริงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรเพื่อหาผู้รับผิดชอบในแต่ละส่วนงาน ซึ่งนายปฏิวัติ เป็นส่วนหนึ่งของผู้รับสัญญาจ้างที่รับงานจาก สตง.
ส่วนจะเริ่มเอาผิดใครได้หรือยังนั้น เบื้องต้นต้องรอผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานที่ส่งตรวจสอบก่อน และรอผลการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อ ที่รัฐบาลได้ตั้งไว้ ซึ่งทั้งหมดอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน ทั้งนี้ได้พยายามเร่งเพื่อให้ข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ และให้หลักฐานชัดเจนบ่งชี้ว่า สาเหตุของอาคารถล่มมาจากสาเหตุใด ส่วนสำนวนชันสูตรพลิกศพ ได้ตั้งไว้แล้วเพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริง โดยทั้งหมดอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน
"ยืนยันว่าจะทำการสอบสวนให้เร็วที่สุดเพราะนายกรัฐมนตรี ต้องการให้ความจริงกระจ่างเพื่อตอบโจทย์ของสังคมและประชาชน เพราะตั้งแต่แต่งตั้งเป็นคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตำรวจได้ทำงานทุกวันในการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องเพื้อให้พยานหลักฐานชี้ชัด และต้องรอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยทั้งวิศวกรรมสถานฯ กรมโยธาธิการและผังเมือง และกองพิสูจน์หลักฐานในการตรวจสอยปูน เหล็ก วัสดุก่อสร้าง ที่ต้องรอผลการตรวจส่วนนี้ด้วย" พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีการปลอมลายเซ็นต์ พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่าสน.วังทองหลางได้นำเสนอเรื่องมาที่ บช.น.แล้ว จึงคาดว่าจะรวบเรื่องเป็นเรื่องเดียวกัน โดยมีสำนวนคดีอาคารถล่มเป็นคดีหลัก
สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิต ณ เวลานี้ นิติเวช ยืนยันศพผู้เสียชีวิตแล้ว 42ราย ชิ้นส่วนด้านบนและท่อนล่าง 2 ราย ผู้สูญหาย 50 ราย


Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา