โฆษก JFM องค์กรสิทธิฯเมียนมาจี้ทางการไทยขยายผลสืบสวนคดีสแกมเมอร์ ให้โยงถึงกองทัพเมียนมา เชื่อกองทัพเป็นผู้รับผลประโยชน์หลักจากการฉ้อโกง ก่อนนำกำไรไปใช้ก่ออาชญากรรม ย้ำแค่ตัดไฟไม่ช่วยอะไรนอกจากให้ฝ่ายฉ้อโกงย้ายฐานไปทื่อื่น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์การปราบปรามกลุ่มสแกมเมอร์ของทางการไทยว่าองค์กรยุติธรรมเมียนมาหรือ Justice For Myanmar (JFM) ซึ่งเป็นองค์กรสิทธิมนุษยชนที่ต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมาได้ออกแถลงการ์วันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา เรียกร้องให้ไทยออกมาพุ่งเป้าไปที่การจัดการกับต้นตอที่ทำให้เกิดกิจกรรมอาชญากรรมอย่างเฟื่องฟูในเมียนมา
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่าให้ทางการไทยและรัฐบาลอื่น ๆที่เกี่ยวข้อง ตัดเงินทุน อาวุธ และเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินให้กับกองทัพเมียนมาและกองกําลังติดอาวุธ และให้พวกเขารับผิดชอบทางสําหรับอาชญากรรมข้ามชาติที่ก่อขึ้น
JFM กล่าวว่ากองทัพเมียนมาเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายธุรกิจอาชญากรรมและเลี้ยงดูกองกําลังรักษาชายแดนแห่งรัฐกะเหรี่ยง (BGF) โดยให้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของกองทัพเมียนมา
“ในรายงานของ JFM เมื่อเดือน พ.ค. 2567 พบว่ากลุ่ม BGF มีส่วนในการหลอกลวงออนไลน์ที่ดําเนินการโดยคนจีน ซึ่งทำทั้งคาสิโนผิดกฎหมายและการพนันออนไลน์ในเมียวดี” กลุ่ม JFM ระบุ
JFM ระบุในช่วงวันที่ 5 มี.ค.ว่าหากไทยไม่กําหนดเป้าหมายโดยพุ่งไปถึงสาเหตุที่แท้จริงของกิจกรรมฉ้อโกง แต่ดำเนินการแค่การตัดไฟฟ้า สิ่งที่ไทยทำก็จะทําให้อุตสาหกรรมฉ้อโกงสามารถย้ายถิ่นฐานไปที่อื่นได้อีก โดยย้อนไปในช่วงปี 2566 ประเทศไทยเคยตัดกระแสไฟฟ้าที่ส่งต่อไปยังเมียวดี แต่ด้วยความช่วยเหลือของรัฐวิสาหกิจไทย (ไม่ได้ระบุหน่วยงาน) และธุรกิจเอกชน การดำเนินงานของศูนย์ฉ้อโกงก็ยังสามารถขยายตัวต่อไปได้
“การหลอกลวงทางไซเบอร์ได้แพร่กระจายในเมียวดีตั้งแต่หลังการรัฐประหารในเดือน ก.พ.2564 ซึ่งสร้างรายได้มหาศาลให้กับรัฐบาลทหาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ควรจะยุติลงได้แล้ว” JFM ระบุและย้ำอีกว่า พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย นั้นเป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์กับหัวหน้าขบวนการอาชญากรรมหลอกลวงทางไซเบอร์เป็นอย่างดี
JFM กล่าวว่าประเทศไทยควรขยายการสืบสวนคดีอาญาจากผู้นํา BGF และครอบครัวของพวกเขาไปยังกองทัพเมียนมาและเจ้าหน้าที่และธุรกิจไทยที่ทําให้ปฏิบัติการอาชญากรรมทางไซเบอร์เติบโตขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 3 มี.ค.กรมสอบสวนคดีพิเศษไทยหรือดีเอสไอได้ขอให้สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ออกหมายจับผู้นำ BGF จำนวน 3 คน ได้แก่ พลตรี ซอ ชิต ตู, พันโท โมเต โธน และพันตรี ทิน วิน อีกครั้งหนึ่ง ในข้อหาว่าอาจมีส่วนร่วมในการค้ามนุษย์ หลอกชาวอินเดียไปยังศูนย์หลอกลวงคอลเซ็นเตอร์ที่เมียวดี
JFM ยินดีกับการขอหมายจับและเรียกร้องให้รัฐบาลไทยอนุมัติหมายจับนี้ ขณะที่นางมา ยาดานาร์ หม่อง (Ma Yadanar Maung) โฆษกของกลุ่ม JFM ระบุว่ากองทัพเมียนมานั้นเป็นผู้เล่นและผู้รับผลประโยชน์หลักในการหลอกลวงทางไซเบอร์และผลกําไรเป็นเงินทุนสําหรับอาชญากรรมที่กําลังดําเนินอยู่
เรียบเรียงจาก:https://www.irrawaddy.com/news/myanmars-crisis-the-world/thailand-called-to-target-myanmar-junta-over-scam-centers.html